12/11/53

ตัดเล็บอย่างไรให้มีโชค

ตัดเล็บอย่างไรให้มีโชค

อันความเชื่อในครั้งบรรพกาล ของคนรุ่นผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ถือปฏิบัติมาเพื่อเสริมมงคลและโชคลาภให้แก่ชีวิต
ขออนุญาตนำมาเล่าสู้กันฟังในวันว่างค่ะ
"เล็บ" เป็น สิ่งที่ต่อจากกระดูก โดยงอกแทรกออกมาจากเนื้อ และหนังของเรา
นับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคนเรา การจะตัดทิ้งหรือตัดออก ย่อมมีผลกระทบต่อเราโดยตรง

Image
ตัดเล็บอย่างไรให้มีโชค

หาก เราตัดเล็บในวันไม่ดี บ่อยๆครั้งเข้าอาจทำให้ชีวิตเรามีเรื่องเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งเรามักไม่เคยสังเกตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง ทั้งด้านดีและไม่ดี ดังนั้นเวลาจะตัดเล็บ ควรจะดูวันที่ควรจะตัดสักหน่อย อย่างน้อยๆ ไม่ได้ทำให้เราเสียเงินหรือเสียเวลาอะไรมากมาย เป็นการเดินตามผู้ใหญ่ไม่มีโทษอะไร ท่านว่าไว้:

1. ควรตัดเล็บวันอาทิตย์ - ท่านว่าจะทำให้มีโชคดี ได้โชคลาภอย่างนึกไม่ถึงและมีเรื่องดีๆมาถึงตนเอง

2. ควรตัดเล็บวันจันทร์ - ผู้ใดตัดเล็บในวันนี้ นับเป็นเรื่องดีจะได้ลาภใหญ่ เกิดขึ้นกับตนเอง

3. ห้ามตัดเล็บวันอังคาร - คนโบราณมักจะห้ามตัดเล็บในวันอังคาร (เพราะถือว่าเป็นวันดุ)
ดังนั้นหากใครตัดเล็บในวันนี้จะทำให้หมดราศี และอาจต้องมีเรื่องให้เสียทรัพย์สินเงินทอง

4. ควรตัดเล็บวันพุธ - หากใครตัดเล็บในวันนี้จะเป็นมงคลแก่ตน ในด้านคุ้มครอง- ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดีต่างๆ ไม่ให้มากล้ำกรายได้

5. ห้ามตัดเล็บวันพฤหัสฯ - โบราณว่าวันนี้เป็นวันครู ท่านห้ามตัดเล็บ
ผู้ใดตัดเล็บในวันนี้ จะได้รับความเดือดร้อนมีเรื่องยุ่งยากเข้ามาเป็นอุปสรรค

6. ควรตัดเล็บวันศุกร์ - ผู้ตัดเล็บในวันนี้ ตำราว่าจะได้ลาภ มีมงคล อุดมสมบูรณ์

7. ห้ามตัดเล็บวันเสาร์ - ใครก็ตามที่ตัดเล็บในวันนี้ จะส่งผลด้านสุขภาพ ล้มป่วยไม่ สบาย เป็นโรคภัยต่างๆ

8. ห้ามตัดเล็บวันพระ - คนที่ตัดเล็บวันนี้ มักจะอายุสั้น ล้มป่วยไม่สบายง่าย และมีเรื่อง เดือดร้อน มักเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ



ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail
ภาพประกอบจาก Photos.com



ขอขอบพระคุณ : http://www.utown.in.th/webboard/viewtopic.php?f=9&t=273&p=653#p653

9/11/53

ยาที่ควรกินคู่กัน และ ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน

หากคุณมั่นใจว่าผู้ป่วยเลือดจาง ต้องกินอาหารเสริมในกลุ่มธาตุเหล็กให้มาก "คุณคิดผิด" หมอกฤษดาแจกแจงคู่ยา "มิตร-ศัตรู" ให้เข้าใจกันชัดๆ

“Good things come in pair” ดังวลีฝรั่งนี้ที่บอกว่าของทุกอย่างมีคู่แฝดอยู่เสมอ อาจเป็นแฝดเหมือนหรือแฝดต่างก็ได้ ซึ่งก็พ้องกับทางพระที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา และโลกธรรมแปดที่เล่าถึงคู่แห่งสัจธรรมในโลกนี้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา มีลาภก็ย่อมมีเสื่อมลาภได้ดังนี้เป็นต้น

ดังนั้น ในเรื่องของโอสถรักษาโรคก็ย่อมต้องมีคู่แฝดของมัน ที่ต้องมีทั้งแฝดที่ดีและแฝดที่ร้ายคล้ายเทวากับซาตานซึ่งเคยมีกรณีที่ถึง แก่ชีวิตมาแล้ว ซึ่งโดยมากมักเกิดจาก “ความไม่รู้” ในฤทธิ์อันไพศาลของยาแต่ละเม็ดที่กินอยู่ โดยเราจะค่อยมาดูกันไปทีละแฝดครับ

แฝดที่ดี

เสมือนคู่บุญยิ่งรู้จักกินให้เสริมกันก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพหรือทำการ รักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วยเพราะเรื่องของยาอาหารเสริมนี้มีหลักคือทำ งานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี้ครับ

1) วิตามินซีกับคอลลาเจน จะช่วยกันสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ใสปิ๊งปั๊งไม่เหี่ยวหย่อนย้อย

2) ธาตุเหล็กกับวิตามินซี กินธาตุเหล็กให้ดีดูดซึมเข้าไปใช้ได้ ไม่ใช่กินเข้าไปอย่างไรถ่ายออกมาหน้าตาเหมือนเดิมนั้น ต้องกินคู่กันอย่างเช่นถ้าจะกินเลือดหมูให้ได้ธาตุเหล็กก็ควรกินกับผักที่มี วิตามินซีสูงเช่นใบตำลึงก็จะดีไม่น้อยครับ

3) แคลเซียมกับแมกนีเซียม แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีต้องมี “ตัวช่วย” พามันเข้าไปได้แก่แมกนีเซียม, วิตามินดีและวิตามินเคด้วยซึ่งอยู่ในแสงแดดและผักเขียวจัดตามลำดับ

4) วิตามินเอ,ซีและอี พยายามกินไปด้วยกันเป็นดี หรือสูตรที่ดีคือกินซีเพียงตัวเดียวส่วนเอกับอีนั้นกินเอาจากผักคะน้าและ ถั่วลิสงสักวันละกำมือ

5) น้ำมันปลา(ไม่ใช่น้ำมันตับปลา)ขอให้เลือกชนิดที่มี ดีเอชเอคู่กับกับอีพีเอ ยิ่งมากหน่อยยิ่งดีอย่างน้อยกินให้ได้ค่า ดีเอชเอ+อีพีเอ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีเคล็ดไว้ว่าถ้าอยากบำรุงสมองต้องเลือกชนิดที่มีดีเอชเอเด่น แต่ถ้าจะให้บำรุงส่วนอื่นเป็นหลักเช่นข้ออักเสบให้เลือกชนิดที่มีอีพีเอสูง ด้วยครับ



แฝดที่ร้าย

แฝดตัวนี้ถือเป็นระดับ “ตัวแม่” ที่น่ากลัวกว่าเยอะมากครับ เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในสมองจนเป็นอัมพาตหรือหัวใจวายแน่นิ่งไปได้ จึงอยากชวนให้ท่านที่รักมาสนใจในยาที่ไม่ควรกินร่วมกันสักนิดดังนี้ครับ

1) น้ำมันปลากับแอสไพริน คู่ร้ายอันดับแรกโดยน้ำมันปลานี้มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดใสไม่หนืดเหนียว ส่วนแอสไพรินก็มีฤทธิ์เดียวกันคือช่วยให้ไม่เกิดลิ่มเลือดจับแข็งเป็นก้อน ตัน เมื่อกินคู่กันเลยกลายเป็นคู่สังหารพาลให้เลือดไหลพรวดพราดไม่หยุด แม้การกรอฟันเพียงนิดก็อาจทำให้เลือดออกได้ราวกับผ่าตัดใหญ่แล้วครับ

2) วิตามินอีและอีฟนิ่งพริมโรส มีคนไข้ที่อยากผิวสวยมาหาพร้อมบอกว่ามีคนแนะให้กินวิตามินอีแต่บ้างก็ให้ เลือกเป็นอีฟนิ่งพริมโรสแทนจะเลือกอย่างไรดี จึงได้บอกไปให้เลือกอย่างหนึ่งก็พอเพราะล้วนแต่มีวิตามินอีทั้งนั้นซึ่งถ้า ได้มากไปอาจทำให้เกิดหัวใจพิบัติแทน

3) แคลเซียมเสริมกับแคลเซียมสด ถ้าท่านกินงาดำได้วันละ 4 ช้อนโต๊ะหรือเต้าหู้ขาวแข็งวันละ 3 ขีดก็จะได้แคลเซียมราว 1,000 มิลลิกรัมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปหาแคลเซียมเม็ดมากินเติมอีกจะทำให้แคลเซียมเกินและไปจับกับหลอด เลือดทำให้ตีบแข็งได้

4) กาแฟกับแคลเซียม ขอให้เลี่ยงกินแคลเซียมร่วมกับกาแฟเพราะกาแฟจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนั้นยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกอีกด้วย

5) ธาตุเหล็กกับเลือดจางธาลัสซีเมีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทีเดียว ขอให้ลืมความเชื่อที่ว่าถ้าเลือดจางต้องกินธาตุเหล็ก ไม่เสมอไปครับ หากท่านเป็นเลือดจางชนิดธาลัสซีเมียแล้วไปกินธาตุเหล็กเสริมจะเท่ากับเติมยา พิษให้กับหัวใจและตับตัวเองครับ

ทั้งแฝดดีแฝดร้ายนี้ที่จริงมีอีกมากซึ่งผมได้เคยเขียนไว้ในหนังสือแล้วและก็ ตั้งใจจะเขียนไว้เรื่อยๆเป็นตอนต่อไปในคอลัมนี้ แต่สำหรับที่เลือกมาให้เห็นนั้นเป็นตัวอย่างที่พบบ่อยหน่อยครับและท่านจำไป ใช้ประโยชน์ได้ทันที

เมื่อถึงตอนนี้ขอให้ท่านหยิบเอาร่วมยาออกมาสังคายนาแยกวางเป็นชนิดไปบนโต๊ะ แล้วจัดเป็นกลุ่มไว้ว่ากลุ่มใดรักษาโรคไหนแล้วบางทีจะเกิดพุทธิปัญญาทีเดียว ว่าตูข้ากินยามากเกินความจำเป็นไปเพียงใด แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากินยาที่ดันไปเสริมฤทธิ์กันให้เป็นพิษเข้าไปเสียอีก

ดังนั้น ท่านจะเห็นว่าการกินยานั้นมีข้อหยุมหยิมอยู่มากเมื่อเทียบกับกินอาหาร ธรรมชาติที่โอกาสเกิดการผสมกันเป็นพิษน้อย เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นมากเท่ายาเคมี แต่อย่างไรก็ดีคงต้องยึดหลักที่ว่าหูไวตาไวถ้ารู้สึกว่า “ไม่ใช่” แล้วก็ให้รีบเร่งบอกอย่าปล่อยให้เลยตามเลยไว้นานเลยครับ

*** นพ.กฤษดา ศิรามพุช, พบ.(จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ drkrisda@gmail.com

ข้อมูลจาก - หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ขอขอบพระคุณ : http://www.gpo.or.th/Default.aspx?tabid=88&articleType=ArticleView&articleId=7&language=th-TH

ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ : Chemical Data Bank

ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ : Chemical Data Bank

http://msds.pcd.go.th/index.asp


ดอยไปเจอแล้ว น่าสนใจมากๆ คิดว่าคงมีประโยชน์ต่อผู้สนใจนะคะ

ใช้สืบค้น ข้อมูลวัตถุอัตรายและเคมีภัณฑ์ นะคะ


25/10/53

อยากขายโดเมน Domain Sale

อยากขายโดเมน Domain Sale

วันนี้อ่านข่าว manager มีโดเมน sex.com 13ล้านเหรียญแหน่ะ ก็เลยอยากขายบ้าง

ก็เลยหาๆๆอ่านๆๆ แต่ไม่เข้าหัวเลย ตอนแรกลองสมัครที่ sedo.com แต่ก็ไม่ได้อะ ขนาด แอดโดเมนยังไม่ไ้ด้เลยเนียะ
ก็เลยย้ายไปขายที่ godaddy.com ก็หาที่แอดไม่เจออีก เวงกรำ เจงๆเลย แล้วจะไปขายที่ไหนละเนียะ
มีใครแนะนำได้หรือเปล่าคะ อยากขายโดเมนจ้าาาา

Domain For Sale
24fair.com $2400000
9leather.com $900000
contact : saodoy@live.com

20/10/53

เพลง ลมจ๋า - โจแฟ็กซ์

เพลง ลมจ๋า - โจแฟ็กซ์



ศิลปิน : Jofax โจแฟ็กซ์

เนื้อร้อง
มีเธอแล้วมันช่างสุขหัวใจ
ไม่ว่ามองไปทางใดมันก็ช่างสวยงาม
อยากจะอยู่กับเธอเรื่อยเธอไปทุกยาม
เธออย่าหนีฉันไปไหน
แค่มีเธอมาอยู่ข้างกัน รับรองว่าฉันจะไม่เปลี่ยนใจ
ให้เธอคนเดียวตลอดไป หมดทั้งใจ…ให้เธอ
เป็นดังสายลมช่วยพัดมาในชีวิต
ส่งความเย็นอีกนิด นา นา นี น้า นา
ลมจ๋า ช่วยพัดให้นานหน่อยหนา ก็เธอนั้นคือความรัก
อย่ารีบไป อยู่ด้วยกันได้ไหม…
ลมจ๋า ช่วยพัดให้แรงเข้าไว้ ฉันกำลังสุขหัวใจ อย่ารีบไป
อยู่ด้วยกันได้ไหม
ให้นาน นาน นา นา นี นา นา นี นา นา นี นา
นา……( *,**,***,****,****)

เพลง รักคือ – เนย ซินญอริต้า

เพลง รักคือ – เนย ซินญอริต้า



เนื้อเพลง
A1 รักคือร่มคันเดียวที่มีคนอยู่สองคน
รักคือช่อดอกไม้ในวันที่สุขล้น
รักคือคำปลอบโยนในวันที่ใจต้องทุกข์ทน
คือคนสองคน ที่อยากจะมีชีวิตอยู่ด้วยกัน

A2 รักคือคำว่ารักจากคนที่รักเรา
รักคืออ้อมกอดนั้นหลับฝันในคืนหนาว
รักคือคนอีกคนที่มีชีวิตไว้เพื่อเรา
คือคนของเรา ที่เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน

Hook แต่รักของฉัน คือการแอบมอง
รักฉันคือคนเดียว ลำพังที่ยังแอบหวัง
รักฉันคือการคิดถึงเธอที่แสนจะเหงาจัง
คือความเหินห่าง คือคนๆนี้ที่เธอไม่เคย…สนใจ

B รอไม่รู้จะนานเท่าไหร่ ใจของคนที่รักวุ่นวาย
อย่าให้มัน มีวันสุดท้ายที่ฉันเลิกรักเธอ
ขอให้ใจฉันนั้นยอมทน ทนเพื่อรอถ้อยคำว่ารักที่ฉันหวัง
จากปากเธอ โปรดสนใจคนใกล้เธอ

A3 รักคือแววตาฉันที่คอยเฝ้ามองเธอ
รักคือคำอธิษฐานในคืนที่ใจเพ้อ
รักคือการกอดหมอนแล้วเฝ้าแต่คิดว่าเป็นเธอ
คือฉันรักเธอ คือเธอจะรักฉันบ้างจะได้ไหม



19/10/53

องุ่น ปลูกในเมืองก็ได้ ง่ายนิดเดียว

ดอยชอบองุ่นมากๆ เปรี้ยว หวาน กินได้หมด อยากปลูกไว้ที่บ้านจัง


องุ่น ปลูกในเมืองก็ได้ ง่ายนิดเดียว

มาปลูกองุ่นประดับหน้าบ้านกันเถอะ

ทำสวนในเมือง สร้างซุ้มสีเขียวด้วย องุ่น พรรณไม้ซึ่งทุกคนคิดว่าไม่สามารถปลูกในเมืองได้ หรือปลูกได้แต่ก็คงไม่ติดผล ทั้งนี้เป็นเพราะความเข้าใจว่าองุ่นจะต้องปลูกบนพื้นที่สูงที่มีอากาศเย็น จริงๆ แล้วหากรู้จักเลือกสายพันธุ์องุ่นเราก็สามารถนำองุ่นมาปลูกตามบ้านเรือนในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ได้อย่างเห็นผล ปลูกเป็นซุ้มหน้าบ้าน ปลูกเป็นซุ้มบนดาดฟ้าหลังคาตึก ปลูกเป็นซุ้มกันแดดที่จอดรถ หรือปลูกเป็นซุ้มเพื่อให้ร่มเงาบนหลังคาโรงเรือนกล้วยไม้ก็ได้

ภาพซ้ายเป็นการปลูกองุ่นเป็นซุ้มให้ร่มเงาหน้าบ้าน เปรียบเทียบกับเพิงหลังคาที่อยู่ถัดไป ซุ้มองุ่นดูสบายตา มีสีเขียวสดใสมีประโยชน์ต่อสายตา มิหนำซ้ำยังติดผลห้อยเป็นพวงเต็มไปหมด ใครผ่านไปผ่านมาก็มอง

การปลูกองุ่นที่เขียนนี้เป็นการปลูกองุ่นเพื่อความเพลิดเพลินไม่ใช่การปลูกองุ่นเพื่อการพาณิชย์ ประโยชน์ที่ได้รับคือความสุขทางใจที่ได้เห็นสีเขียวๆ ขององุ่น ได้เห็นมันติดผล ได้รับประทานบ้างในบางครั้ง เปรี้ยวบ้างหวานบ้างแล้วแต่ฝีมือของเรา และประโยชน์อีกอย่างก็คือช่วยบังแดดให้ร่มเงาแก่อาคารสถานที่ เราจะไม่พูดถึงผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ เราจะไม่สนใจว่าผลองุ่นที่เราปลูกจะขายได้กิโลละเท่าไร เพราะนี่คือการปลูกเป็นงานอดิเรก ปลูกไว้ดูเล่น

ภายใต้ร่มเงาองุ่น ร่มเงาที่ได้จากใบไม้กับร่มเงาที่ได้จากแผ่นกระเบื้องนั้นให้ผลไม่เหมือนกัน หากเราอยู่ใต้ร่มของใบไม้ เราจะรู้สึกเย็น หากเราอยู่ใต้เงาที่มุ่งด้วยแผ่นกระเบื้องเราก็จะรู้สึกร้อน หากเราอยู่ใต้ร่มของแผ่นสังกะสีจะยิ่งร้อนกว่า ณ กลางแสงแดดจ้าที่ร้อนจัด ให้ลองเอาหลังมือเราตากแดดสักพักเราจะรู้สึกว่าแดดร้อนมาก หากลองสัมผัสบนใบไม้ซึ่งตากแดดมาทั้งวันก็จะรู้สึกว่าด้านบนของใบที่โดนแสงแดดนั้นก็ร้อนเช่นกัน แต่เมื่อสัมผัสใต้ใบจะรู้สึกว่าใต้ใบนั้นเย็น แปลกหมั๊ย ทำไมไม่ร้อนทั้งๆ นั่นเป็นเพราะว่าใบไม้ดูดซับแสงแดด ต้นไม้ต้องการแสงแดดไปใช้ประโยชน์เพื่อการเจริญเติบโต ยิ่งแดดจัดยิ่งดี ดังนั้นเราจะเห็นว่าแสงแดดที่ไร้ค่าสำหรับเรากลับเป็นประโยชน์สำหรับต้นไม้ แล้วต้นไม้ก็ให้ความร่มเย็นกับเรา อย่างซุ้มองุ่นที่เห็นอยู่นี้มีมีขนาด 2 x 3 เมตร ก็เท่ากับ 6 ตารางเมตร หากบ้านเรือในกรุงเทพฯ ปลูกกันสัก 1 ล้านหลังคาเรือนก็จะได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นถึง 6 ล้านตารางเมตร ถ้าหากปลูกกันทั้ง 77 จังหวัด ก็จะได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นมาถึง 462 ล้าน ตรม. โอ้... คิดมากไปหรือเปล่า

การปลูกองุ่นเพื่อความเพลิดเพลิน ก่อนอื่นต้องขอให้ลืมตำราไปก่อนเลย เรามาเริ่มจาก ศูนย์ กันเลย

ขั้นแรก หากิ่งพันธุ์องุ่น เลือกปลูกพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศร้อน และทนต่อโรคได้ดี ( ถามคนขาย )

ขั้นต่อไป หาทำเลปลูก องุ่นต้องการแสงแดดจัด พื้นที่ทำซุ้มองุ่นควรมีแสงแดดส่องอย่างน้อยครึ่งวัน ปลูกในที่ร่มไม่ได้

ขั้นต่อไป เตรียมพื้นที่ปลูก ( หลุมปลูก หรือเตรียมกระถางปลูก )

ขั้นต่อไป ปลูกต้นกล้าให้รอด ให้เลื้อยขึ้นซุ้มได้ก่อน ( ยังไม่ต้องรีบทำซุ้ม ระยะนี้มีเวลาให้คิดเรื่องทำซุ้มถึง 3 เดือน )

ขั้นต่อไป ทำยังไงให้ติดผล ( รับรองว่าติดผลแน่ๆ แต่ตอนนี้ยังไม่ต้องคิด มีเวลาให้คิดเรื่องนี้ถึง 1 ปีหลังจากปลูก )

ขึ้นต่อไป ทำยังไงให้หวาน ( รอให้ติดผลรุ่นแรกผ่านไปก่อน ถึงแม้จะเปรี้ยวจี๊ดก็ไม่เป็นไร แค่ออกดอกติดผลก็เท่ห์แล้ว หลังจากนั้นค่อยคิดเรื่องหวาน )

ขึ้นต่อไป ถ้าผ่านมาถึงตอนนี้ก็ต้องเก่งแล้ว พอเก่งแล้วก็อยากได้พันธุ์โน้น พันธุ์นี้

ถึงตอนนี้ก็ลองมาทำอะไรเล่นกันสนุกๆ ทำองุ่นหลายสายพันธุ์บนต้นตอเดียว
คราวนี้อยากจะได้พันธุ์อะไร สารพัดพันธุ์ที่ต้องการ หามาเลย
องุ่นหนึ่งต้นสมมุติว่ามี 5 กิ่งหลัก อยากได้พันธุ์ไหนก็ติดตาพันธุ์นั้นเข้าไปเลย
องุ่นต้นเดียวมีทั้งองุ่นเขียว องุ่นแดง องุ่นผลเรียว องุ่นผลกลม คราวนี้ก็มาดูผลงาน รู้เลยว่าพันธุ์ไหนดีแน่ เพราะว่า ต้นตอเดียวกัน ได้รับปุ๋ยเหมือนกัน ใครจะหวาน ใครจะเปรี้ยว ใครผลโต ใครผลเล็ก ใครติดผลตก

ขั้นที่ 1 หากิ่งพันธุ์องุ่น เลือกสายพันธุ์ที่ทนทาน ทั้งต่ออากาศร้อนและโรคต่างๆ หากไม่ได้ปลูกเชิงพาณิชย์ ปลูกเพียงต้นสองต้นไม่จำเป็นต้องใช้องุ่นพันธุ์แปลกๆ ที่มีราคาผลิตสูง เช่นองุ่นไร้เมล็ด บางพันธุ์กิโลกรัมละ 300 บาท 700 บาท คิดง่ายๆ ถ้าผลผลิตราคาสูงขนาดนี้แล้วทำไมไม่ปลูกพันธุ์ดีกันให้หมด ทั้งนี้ก็เพราะข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ปลูก องุ่นพันธุ์ดีมักขึ้นได้ดีบนพื้นที่สูง ถ้าต้องการจะปลูกจริงจังก็ต้องไปหาซื้อที่แถว ภูเรือ ( +600 เมตร ) วังน้ำเขียว ( + 400 เมตร ) หรือที่อื่นๆ ที่อยู่บนระดับสูง แต่ก็มีไร่องุ่นพันธุ์ดีที่ปลูกบนพื้นที่ราบต่ำอยู่บ้างแต่ก็กว่าจะได้ผลผลิตก็เหนื่อย เพราะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ แต่สำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วก็ถือว่าคุ้มเพราะผลผลิตที่ได้มีราคาสูง แต่ถ้าปลูกเล่นๆ ตามบ้านเรือนก็คงไม่เหมาะ เดี๋ยวเป็นโน่น เดี๋ยวเป็นนี่ งามก็ไม่งาม เอาแต่จะตาย ลูกก็ไม่มี ปลูกไปปลูกมาก็เบื่อแล้วก็ต้องรื้อทิ้ง แล้วก็สรุปว่าองุ่นปลูกยาก

ปลูกเล่นๆ ควรเลือกพันธุ์ที่ทนสภาพอากาศร้อน และควรมีใบสวยงาม การปลูกตามบ้านเรือนมักจะมีปัญหาเรื่องพื้นที่จำกัด มีพื้นที่ให้องุ่นเลื้อยน้อย ดังนั้นควรพันธุ์ที่มีข้อสั้น คือมีระยะห่างระหว่างใบน้อย หากเป็นพันธุ์ข้อยาวจะเลื้อยออกนอกค้างเร็วมาก

ขั้นที่ 2 เตรียมพื้นที่ปลูก จะปลูกลงดิน หรือปลูกในกระถางก็ได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ควรปลูกลงดินเพราะในดินมีแร่ธาตุอาหารมาก ทำให้ง่ายต่อการดูแล ลืมรดน้ำก็ไม่ตาย ไม่ใช่ปุ๋ยก็หาดูดเอาจากในดิน หากปลูกลงกระถางจะต้องดูแลมาก เมื่อปลูกไปนานๆ ดินในกระถางจะถูกต้นไม้ดูดธาตุต่างๆ ไปหมดทำให้ดินไม่มีธาตุอาหารจึงต้องควรใส่ปุ๋ย หากเราเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวันไม่มีใครรดน้ำให้ก็จะเหี่ยว

หากปลูกลงดินควรเตรียมหลุมปลูกโดยขุดดินเดิมออกมาก่อน ขุดให้ได้ขนาดหลุม กว้าง 2 คืบ ลึก 2 คืบ ใส่ปุ๋ยคอกรองที่ก้นหลุม ใส่เยอะๆ เพราะเรามีโอกาสใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุมเพียงครั้งเดียวในชีวิตของต้นไม้ จากนั้นนำดินดีผสมกับปุ๋ยคอกเททับลงไป นำต้นกล้าวางลงแล้วกลบด้วยดินดีผสมปุ๋ยคอก รดน้ำให้ชุ่ม ไม่ต้องทำร่มให้ต้นกล้า ช่วงแรกรากยังน้อยดูดน้ำไม่เก่งควรรดน้ำปล่อยๆ ทังเช้าและเย็น


ขอขอบพระคุณ : http://www.tourdoi.com/flower/grape.htm

13/10/53

ฝันว่า ...KA ครีมไม่ดีหรอก

13/10/10

เมื่อเช้านี้ฝันอะ แปลกมาก
ในฉากฝัน ส่องกระจก แล้วเหมือนมีคนพูดว่า หรือ ตัวเองนี่แหล่ะ พูดว่า KA ครีม ใช้แล้วไม่ดีหรอก
แล้วก็ส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หน้าก็ไม่ดีจิงๆนะ แล้วก็สะุ้ดุ้งตื่น ...สงกาสัย กลัวหน้าตัวเอง ๕๕๕

อืมมมม...ฝันนี้เหมาะเจาะเลย เพราะตอนนี้กำลังทดลองใช้ KA ครีม ที่ลดจุดด่างดำอะ
ไปซื้อที่เซเว่นมา 29-30 บาท นี่ละ 15 กรัม ก่ะว่าจะลองใช้ดู
ใช้มาน่าจะสัก 3 วันนะ ทาทั้ง กลางคืนและกลางวันเลย
เอาจริงๆนะ ตอนที่เพิ่งทาเสร็จ หน้าก็ดูขาวดี
แล้วก็ออกมาทำงาน ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 30 นาที
มาส่องกระจกที่ทำงานดู หน้าไม่สวยเลย ...ไม่อธิบายมากว่าทำไมไม่สวยนะ อิอิ
เอาเป็นว่าหน้าไม่รู้สึกดีขึ้นเลย รู้สึกคล้ำๆ

พอตอนบ่ายมา
พี่เบิดถามว่า ไปว่ายน้ำมาหรอเราหน่ะ ดูหน้าคล้ำๆไปนะ
หาาาาาาาา นู๋ไม่ได้ไปว่ายน้ำมาคร้า .......เว๋อเลย แงแงแงแง

ก็เลยคิดว่า ต่อไปไม่ใช้แล้ว KA ครีม ลาก่อน...

ใครที่ใช้ KA ครีม แล้วโดนใจ ชอบ ก็ดีใจด้วยนะคะ ^^

7/10/53

บีบีครีมสดๆ ร้อนๆ ตัวไหนเหมาะกับผิวหน้าสาวเรา!?

บีบีครีมสดๆ ร้อนๆ ตัวไหนเหมาะกับผิวหน้าสาวเรา!?

คุ้นหูกันไหมคะกับ "บีบีครีม" (BB Cream) คุณสาวๆ หลายคนคงจะมีไว้ประจำโต๊ะเครื่องแป้งกันอยู่แล้ว เพราะช่วยปกปิดทำให้หน้าเนียนใสได้อย่างง่ายดาย ดูไม่โบ๊ะเหมือนรองพื้น ไม่บางเบาเหมือนเบส เหมาะกับคนที่ไม่อยากเสียเวลาในขั้นตอนการแต่งหน้านานๆ

บีบีครีม ก็คือ เบส + รองพื้น + สารบำรุง บางยี่ห้อจะผสมสารกันแดดด้วย

ก่อนอื่นคุณสาวๆ คงอยากจะทราบที่มาของเจ้าบีบีครีมว่ามาจากไหน เรามาไขข้อมูลต้นกำเนิดบีบีครีมกันค่ะ
BB Cream ย่อมาจาก Blemish Balm Cream มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมัน คิดค้นมาจากศัลยแพทย์ชาวเยอรมัน เป็นครีมฟื้นฟูผิวหนังสำหรับคนที่ทำเลเซอร์สกินทรีทเมนต์ (Laser Skin Treatment)เพราะ ผู้หญิงเราสมัยก่อน อยากจะหน้าสวยใส จึงมักใช้การลอกผิวหน้า เช่น การทำเลเซอร์ ซึ่งเห็นผลเร็ว แต่ข้อเสียคือ หลังจากเลเซอร์ไปแล้ว เกิดการอักเสบ บวมแดง ไม่สามารถออกแดดได้ ทีนี้ศัลยแพทย์ชาวเยอรมันท่านนี้ก็เลยคิดว่า มีอะไรบ้างที่พอจะช่วยผู้หญิงเหล่านี้ได้ จึงคิดค้นครีมขึ้นมาตัวหนึ่ง ซึ่งครีมตัวนี้จะช่วยให้ผู้หญิงหลังการทำศัลยกรรมลดการอักเสบ ป้องกันแสงแดด ดูแลผิวที่เกิดใหม่ขึ้นมาให้เรียบเนียน ศัลยแพทย์ท่านนี้จึงตั้งชื่อว่า "BB Cream" ต่อมาดาราเกาหลีนำมาใช้ เลยกลายเป็นกระแสฮอตฮิตติดลมบนเกาหลีฟีเวอร์



ภาพ บน บรรยากาศงานเปิดตัวเครื่องสำอางแบรนด์ดังจากแดนโสม ?Lioele? (ลีโอเอเล่) หาซื้อได้ที่วัตสัน (Watson) ภาพล่าง จาง จืออี้ (Zhang Ziyi) พรีเซนเตอร์ Maybelline Clear Smooth Minerals BB Cream ที่ขณะนี้บีบีครีมตัวนี้กำลังโกยตังค์สาวไทย ถือว่าขายดีเชียว

?

ความที่ฮิตมากในเกาหลี สาวไทยเราก็แห่ตาม เพราะอยากหน้าสวยเนียนแบบดาราเกาหลี แน่นอน ตามเคาน์เตอร์เครื่องสำอางสัญชาติเกาหลีอย่าง Etude,Skinfood มี วางจำหน่ายบ้างแต่น้อยชนิด สาวไทยเราจึงมักซื้อกันทางอินเทอร์เน็ต ทั้งหลากหลาย ทั้งราคาถูก แต่ต้องระวังนะ หากเกิดของปลอมแทรก หรือค้างนานหมดอายุ หน้าเห่ยไม่รู้ด้วย

ด้วยกระแสที่แรง เครื่องสำอางสัญชาติไทยอย่าง
Mistine และอเมริกันอย่าง Melbelline ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์บีบีครีมออกมาวางจำหน่าย กระทั่งบริษัท Eternity ได้นำเครื่องสำอางจากแดนโสมเข้ามาอย่างจริงจัง โดยล่วงหน้าขายบีบีครีมยี่ห้อ Caticlair กับ Palgantong กระตุ้นต่อมหน้าเนียนเด้งแบบเกาหลี

ล่าสุดเพิ่งวางจำหน่ายสดๆ ร้อนๆ คือ
ลีโอเอเล่ (Lioele) บีบีครีมยอดนิยมทั้งในดินแดนกิมจิ และปลาดิบทีเดียวเชียวล่ะ


Try & Test มาแล้วจ้า

บีบีครีมที่เราเลือกมามี 4 ตัว ได้แก่ Mistine BB Wonder Cream , Maybelline Clear Smooth Minerals BB Cream สองตัวนี้วางตลาดให้สาวๆ เชยชมมาสักพักหนึ่งแล้ว ขณะที่ Lioele Water Drop BB , Lioele Triple the Solution BB Cream เพิ่งเปิดตัวหมาดๆ นี่เอง


เรา มาดูกันค่ะว่า บีบีครีมยี่ห้อไหนเหมาะกับผิวหน้าสาวไทยอย่างเรา หมายเหตุเสียก่อนว่า สภาพผิวนางแบบ เป็นผิวผสม ค่อนทางมัน รูขุมขนกว้าง มีกระสีน้ำตาลอ่อนประปรายบริเวณข้างๆ และโหนกแก้ม จุดด่างดำ และรอยสิวไม่มากนัก ผิวเหลือง มีรอยแดง เส้นเลือดฝอยค่อนข้างมาก

กลุ่มแรก กรุยตลาดก่อน

* Mistine BB Wonder Cream

เนื้อครีมไม่เหลว สีเนื้อเข้มปานกลาง กลิ่นหอมเล็กน้อย เนื้อครีมค่อนข้างแห้งจึงจำเป็นต้องรีบเกลี่ยให้ไว

ลองแล้ว หลังทาแล้ว ผิวดูเนียนแห้งทีเดียวค่ะ ริ้วรอยต่างๆ กลบได้เกือบมิด หน้าดูสว่างนิดหน่อย ไม่คุมมัน และไม่เป็นคราบระหว่างวัน รู้สึกว่าระหว่างวันหน้าหมอง และค่อนข้างอุดตันง่าย ราคาไม่แพง

เหมาะกับ ทั้งสาวผิวเหลือง และสาวผิวคล้ำ เพราะเนื้อครีมไม่สว่าง หรือหมองเกินเหตุ

วางจำหน่ายตามร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ปริมาณ 15 กรัม ราคา 180 - 190 บาท แล้วแต่ร้านคะ


* Maybelline Clear Smooth Minerals BB Cream

เนื้อครีมค่อนข้างเหลว สีเนื้ออ่อน เกลี่ยง่ายมาก ไร้กลิ่น ดูบางเบา

ลองแล้ว เนื้อ ครีมมีลักษณะค่อนข้างเหลว บางเบา ดูไม่โบ๊ะ เหมาะสำหรับอากาศเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ไม่มีกลิ่น แต่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวที่มีร่องรอยจากการเกิดสิว จุดด่างดำ ความมัน บนใบหน้าได้มากเท่าไหร่ ขณะที่ระหว่างวันหน้าไม่หมองคล้ำ ถือว่าใช้ได้เลยคะ ถูกและดี

เหมาะกับ สาวผิวเหลือง ด้วยเนื้อครีมที่ค่อนข้างสว่าง สาวผิวคล้ำกรุณาถอยห่างคะ

วางจำหน่ายตามเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าทั่วไป รวมทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ปริมาณ 18 มล.ราคา 199 บาท


กลุ่มสอง เพิ่งมาแต่แรงเชียว

* Lioele Water Drop BB

เนื้อครีมไม่เหลว สีเนื้ออ่อน ตัวครีมละเอียด กลิ่นสะอาดๆ ขณะทารู้สึกได้ทันทีว่าครีมซึมสู่ผิวอย่างไว เกลี่ยง่ายมาก คล้ายน้ำ

ลองแล้ว เหมาะที่ซู้ด กับอากาศร้อนเมืองไทย ตอบโจทย์สาวไทยเราได้หมดเลย เกลี่ยง่าย เนื้อครีมตัวนี้ละเอียดมาก พอโดนผิวสัมผัสกับอุณหภูมิเรามันจะกลายเป็นน้ำ แล้วจะซึมเข้าสู่ผิวได้จริง ไม่ใช่ทาแค่ปกปิด แต่บำรุงผิวด้วย รู้สึกถึงความบางเบา และเย็นด้วยเนื่องจากเป็นชนิดน้ำ กลิ่นสะอาดๆ ผสมกันแดด เหมาะกับสาวๆที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ต้องกังวลว่าหน้าเยิ้มค่ะ

เหมาะกับ สาวผิวเหลืองค่ะ แต่ไม่ห้าม..หากสาวผิวคล้ำอยากลอง

วางจำหน่ายที่วัตสันเท่านั้น ปริมาณ 50 มล. ราคา 580 บาท


* Lioele Triple the Solution BB Cream

เนื้อครีมเข้มข้นประหนึ่งรองพื้น สีเนื้ออ่อน หน้าดูหนา แต่เกลี่ยได้ง่าย กลบได้ดีขั้นเทพกลิ่นหอมอ่อนๆ

?

ลองแล้ว กลบสิว จุดด่างดำได้ดีมาก ส่วนริ้วรอยกลบได้มิดพอสมควร ร่องตื้นขึ้นด้วยความที่เนื้อครีมเข้มเข้น ผสมกันแดด SPF30 จึงอาจอุดตันได้ง่าย แพกเกจน่าใช้คะ สีชมพู เป็นหัวปั้ม ดูสะอาดเชียว น่าใช้สำหรับสาวออฟฟิศที่นั่งทำงานท่ามกลางแอร์เป็นประจำ แต่ไม่น่าใช้สำหรับสาวที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะใบหน้าอาจมันเยิ้มได้หากเจอแดดเปรี้ยง

เหมาะกับ ทั้งสาวผิวเหลือง และสาวผิวคล้ำ แต่ห้ามทาหนานะคะ ทาบางๆ พอ ไม่งั้นจะแลดูหน้าวอก

วางจำหน่ายที่วัตสันเท่านั้น ปริมาณ 50 มล. ราคา 680 บา


เกร็ดต้องรู้ สำหรับสาวบีบี

1. บีบีบางแบรนด์มีให้เลือกระหว่างโทนสีเหลืองกับสีชมพู ซึ่งสีเหลืองเหมาะกับสาวไทยผิวขาวเหลือง ขณะที่สีชมพูเหมาะกับสาวผิวคล้ำ ทีนี้วิธีการดูว่าสีผิวเราเป็นสีใด ให้ดูสีเส้นเลือดบนข้อมือค่ะ ถ้าเส้นเลือดเป็นสีม่วงๆ แสดงว่าเป็นคนผิวคล้ำ ควรใช้บีบีครีมโทนชมพู ส่วนคนที่เส้นเลือดเป็นสีเขียว แสดงว่าเหมาะกับบีบีครีมโทนสีเหลืองค่ะ

2. หลังทาบีบีครีมแล้ว แนะให้ตบด้วยแป้งฝุ่น ปัดด้วยแปรง จะเพิ่มลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่อย่ามากไป อาจเป็นคราบได้ เคาะแป้งออกจากแปรงก่อน แล้วค่อยมาปัดทั่วหน้า ไม่แนะนำแป้งอัดแข็งผสมรองพื้นนะคะ เพราะทำให้ดูหนา หรือหากจำเป็นควรใช้แปรง อย่าใช้พัพฟ์ในการแตะแป้ง จะทำให้ดูเนียนเรียบและไม่เป็นคราบ

3.
คนที่มีผิวคล้ำมากไม่แนะให้ใช้บีบีครีม เพราะมันจะวอกเกิน ส่วนคนที่ขาวอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ คนที่ผิวออกโทนเหลือง อาจจะเจอปัญหาบีบีครีมบางชนิดทำให้หน้าดูเป็นสีเทา เกิดขึ้นช่วงบ่ายๆ แก้ได้โดยการซับมันหน้าเบาๆ แล้วก็เอาแป้งปัดทับนะคะ

4. ส่วนการทำความสะอาด ไม่ยากเลยคะ แต่ต้องล้างให้สะอาดล้ำลึกจริงๆ มิฉะนั้นอาจอุดตันเกิดสิวได้ แนะให้ล้างหน้าด้วยออยล์ หรือเมกอัพรีมูฟเวอร์ก่อน จากนั้นต่อด้วยคลีนซิ่ง ล้างอีกทีด้วยโฟมล้างหน้าที่ใช้ประจำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

30/9/53

ดูแลผิวให้สวยใส และถูกจังหวะใน 28 วัน

ดูแลผิวให้สวยใส และถูกจังหวะใน 28 วัน

เคยอ่านนิตยสารแมรี่แคลร์ นานมากแล้วค่ะ และเห็นบทความนี้น่าสนใจ เคยจดในสมุดไดอารี่ส่วนตัวไว้ เพื่อจะเก็บเอาไว้ดูแลผิวในช่วงระหว่างเดือน และปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสมค่ะ


ดูแลผิวให้สวยใส และถูกจังหวะใน 28 วัน

สัปดาห์ที่ 1 ของการมีประจำเดือน
1. ควรปฏิบัติโดยการใช้เจลล้างหน้าที่ผสม Salicylic Acid
2. ในระหว่างนี้ห้ามขัดหน้า และมาสก์หน้าโดยเด็ดขาดค่ะ
3. และในภาวะที่เกิดสิว สามารถใช้เจลแต้มสิวได้นะคะ
4. ช่วงนี้ควรบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิวที่เคยใช้ประจำนะคะ หาครีมประเภทเติมน้ำให้ผิวได้สดชื่นด้วยค่ะ

สัปดาห์ที่ 2 ช่วงหมดประจำเดือน
1. ใช้ครีม โฟม หรือเจลเพื่อทำความสะอาดผิวให้หมดจด
2. เริ่มพอกหน้า มาสก์หน้าได้แล้วนะคะ
3. สามารถใช้ครีมที่กำจัดแบคทีเรียได้ค่ะ

สัปดาห์ที่ 3 ก็ปฏิบัติเหมือนกับสัปดาห์ที่สองเลยค่ะ ^_^


สัปดาห์ที่ 4 ใส่ใจผิวให้สะอาดหมดจด พร้อมผลัดเซลผิว
สัปดาห์นี้ผิวจะเริ่มผลิตน้ำมันออกมามาก ผิวจะมันค่ะ อาจเกิดสิวอุดตันได้ง่ายๆ ลองสังเกตดูนะคะ
วิธีปฏิบัติและดูแลผิวในสัปดาห์นี้นะคะ
1. ใช้โฟมล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดผิวประเภทดีพคลีน
ที่มีส่วนผสมของ BHA ผลัดเซลผิวที่เสื่อมสภาพค่ะ

จำไว้ว่าเมื่อไหร่ที่ผิวหน้าเกิดความมัน หรือ คัน
แสดงว่าบนผิวหน้าเกิดการสะสมของแบคทีเรียค่ะ

ยิ่ง ผิวมัน และเกิดสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยงขนมหวาน อาหารต่างๆที่ผ่านการทอดจนมันเยิ้ม อย่าทานเนื้อสัตว์ให้มากเกินไป งดอาหารรสจัด เผ็ด ร้อน จะเป็นบ่อเกิดของสิวอักเสบได้โดยง่ายเลยค่ะ ^___^

ลองปฏิบัติกันดูนะคะ
โดย ส่วนตัวแล้ว วิธีการที่เค้าเขียนมานี้สมเหตุสมผลมากค่ะ และเห็นผลได้อย่างชัดเจนเมื่อดูแลผิวให้ถูกจังหวะ และเหมาะสมผิวจึงไม่มีปัญหาใดใดเลยค่ะ



ยกเครดิตบทความดี ดีนี้ให้กับนิตยสารแมรี่แคลร์นะคะ ขอโทษนะคะเพราะจำไม่ได้ว่าเล่มไหน ปีอะไร เพราะจดเอาไว้อ่านส่วนตัวนานมากๆแล้วค่ะ ได้โอกาสดีจึงมาบอกต่อให้ทราบกันบ้างค่ะ (ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว)


ดอยเอามาจากบล็อกนี้คร้า http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nadtha&month=06-2008&date=14&group=1&gblog=1 ขอบพระคุณนะคะ

20/9/53

ดื่ม 'น้ำสมุนไพร' เวลาไหนดี?

อาหารและน้ำดื่มเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตมนุษย์ อาหารและน้ำดื่มนอกจากจะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรงแล้ว ในส่วนประกอบของอาหารไทยยังมีสมุนไพรที่เป็นเครื่องปรุงช่วยรักษาโรคและ อาการบางอย่างได้

ในหลักการการแพทย์แผนไทย ร่างกายของมนุษย์จะแข็งแรงได้ต้องมีภาวะที่สมดุลของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ด้วยเหตุผลที่ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน มีการแปรเปลี่ยนของสภาวะอากาศหลายลักษณะ ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อความสมดุลของธาตุ ทั้ง 4 ในร่างกาย และส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วย ด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่อาศัยธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัวมาใช้ประโยชน์ใน การปรับสมดุลของร่างกาย เช่น การบริโภคอาหาร หรือน้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร ซึ่งมีคุณลักษณะของธาตุทั้ง 4 ทำให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติได้ การ ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทย สามารถกระทำได้โดยการดื่มตามเวลาใน 1 วัน ที่ธาตุในร่างกายของคนเราเปลี่ยนแปลงไป (กาลสมุฎฐาน) โดยมีการแบ่งเวลาดังนี้

เวลา 06.00-10.00 น. และเวลา 18.00-22.00 น. ร่างกายมักจะเจ็บป่วยด้วยธาตุน้ำ น้ำสมุนไพรที่บำรุงร่างกายและปรับสมดุลของธาตุน้ำ ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว ฯลฯ

เวลา 10.00-14.00 น. และ 22.00-02.00 น. ร่างกายมักจะเจ็บป่วยด้วยธาตุไฟ น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกายและปรับสมดุลของธาตุไฟ ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสขม เช่น น้ำบัวบก น้ำลูกเดือย ฯลฯ

เวลา 14.00-18.00 น. และเวลา 02.00-06.00 น. ร่างกายมักจะเจ็บป่วยด้วยธาตุลม น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกายและปรับสมดุลของธาตุลม ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน ได้แก่ น้ำขิง น้ำตะไคร้ ฯลฯ

ในกรณีการเจ็บป่วยด้วยธาตุดินนั้นไม่ได้ขึ้นกับกาลเวลา แต่จะเกิดผลของการผิดปกติของธาตุอื่นๆ ดังนั้น การดื่มน้ำสมุนไพรหรือน้ำผลไม้เพื่อบำรุงธาตุดินนั้นจึงสามารถกระทำในเวลาใดก็ได้

ตัวอย่างน้ำสมุนไพรบำรุงธาตุดิน

• น้ำมะพร้าว
ส่วนผสม :
มะพร้าวน้ำหอม (เนื้อและน้ำ) 1 ผล (500 กรัม) น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ : เลือกมะพร้าวอ่อนพอดี ปอกเปลือกออก ใช้มีดที่คมเฉาะเปลือกตัวหัวมะพร้าว เทน้ำเก็บไว้ ผ่ามะพร้าวเป็น 2 ซีก ตักเฉพาะเนื้อมะพร้าวใส่เครื่องปั่นเติมน้ำมะพร้าวและน้ำตาล ชิมรสตามใจชอบ
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 500 กิโลแคลอรี แคลเซี่ยม 60 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 865 มิลลิกรัม
รสและสรรพคุณ : รสมัน ช่วยบำรุงกำลัง ขับปัสสาวะ ลดไข้ แก้กระหาย ทำให้สดชื่น

• น้ำแห้ว
ส่วนผสม :
เนื้อแห้วต้มสุก 50 กรัม (ประมาณ 6-8 หัว) น้ำเชื่อม 30 กรัม เกลือเสริมไอโอดีน 1 กรัม
วิธีทำ : นำแห้วต้มสุกที่เตรียมไว้ใส่เครื่องปั่นกับน้ำให้ละเอียด เติมน้ำเชื่อม เกลือป่น คนให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 111.07 กิโลแคลอรี วิตามินซี 3.00 มก.
รสและสรรพคุณ : รสหวานมัน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงธาตุ บำรุงเส้นเอ็น

ตัวอย่างน้ำสมุนไพรบำรุงธาตุน้ำ

• น้ำส้ม
ส่วนผสม :
ส้มเขียวหวาน 3 ผล (คั้นน้ำ 200 กรัม) น้ำมะนาว 5 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) เกลือไอโอดีน 1 กรัม (1/5 ช้อนโต๊ะ) น้ำเชื่อม 30 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ : 1. ล้างผลส้มให้สะอาด ฝานตามขวาง 2 ซีก 2. คั้นเอาแต่น้ำ เติมน้ำมะนาว น้ำเชื่อม เกลือ ชิมรส ตามต้องการ
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 197.37 กิโลแคลอรี ใยอาหาร 3.20 กรัม วิตามิน 865 มิลลิกรัม
รสและสรรพคุณ : รสเปรี้ยวของน้ำส้มทำให้ชุ่มคอ แก้ไอ ขับเสมหะ

• น้ำฝรั่ง
ส่วนผสม :
เนื้อฝรั่งสด (ฝรั่งสาลี่) 1 ผล (เนื้อฝรั่ง 300 กรัม) น้ำตาลทราย 200 กรัม เกลือไอโอดีน 8 กรัม น้ำ 6 ถ้วย
วิธีทำ : 1. ล้างฝรั่งให้สะอาด 2. เอาแต่เนื้อหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 3. ปั่นฝรั่งกับน้ำจนเนื้อฝรั่งละเอียด ตั้งไฟ ใส่น้ำตาล เกลือ พอเดือดยกลง ใส่น้ำแข็งบดก่อนเสิร์ฟ
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 115 กิโลแคลอรี วิตามิน 60 มิลลิกรัม ใยอาหาร 2.9 มิลลิกรัม
รสและสรรพคุณ : รสฝาด อมเปรี้ยว มีฤทธิ์ฝาดสมาน ช่วยแก้อาการท้องเดิน

ตัวอย่างน้ำสมุนไพรบำรุงธาตุลม

• น้ำขิง
ส่วนผสม :
ขิงสด 15 กรัม (ขิงหั่นขนาด 1 นิ้ว 5-6 ชิ้น) น้ำ 240 กรัม (16 ช้อนโต๊ะ) น้ำเชื่อม 15 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ : ปอกเปลือกขิงออกล้างน้ำให้สะอาด ทุบพอแหลกตั้งน้ำให้เดือด เอาขิงที่ทุบไว้ลงต้มให้เดือด กรองเอากากออก เติมน้ำตาล ชิมรสตามชอบ
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 61.5 กิโล-แคลอรี แคลเซียม 2.7 มก. ฟอสฟอรัส 3.3 มิลลิกรัม
รสและสรรพคุณ : รสเผ็ดร้อน บำรุงธาตุ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยเจริญอาหาร

• น้ำตะไคร้
ส่วนผสม :
ตะไคร้ 20 กรัม (1 ต้ม) น้ำเชื่อม 15 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) น้ำเปล่า 240 กรัม (16 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ : นำตะไคร้มาล้างให้สะอาด หั่นเป็น ท่อนสั้น ทุบให้แตก ใส่หม้อต้มกับน้ำให้เดือด กระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาปนกับน้ำจนเป็นสีเขียว สักครู่จึงยกลงกรองเอาตะไคร้ออก เติมน้ำเชื่อม ชิมรสตามชอบ หรืออาจเอาเหง้าแก่ที่อยู่ใต้ดินล้างให้สะอาดฝานเป็นแว่นบางๆ คั่วไฟอ่อนๆ พอเหลือง ชงเป็นชา ดื่มวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา จะช่วยขับปัสสาวะ
รสและสรรพคุณ : รสเผ็ดร้อน บำรุงธาตุ ช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อได้ดี ช่วยลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย

ตัวอย่างน้ำสมุนไพรบำรุงธาตุไฟ

• น้ำใบบัวบก
ส่วนผสม :
บัวบกทั้งต้น 30 กรัม (1 กำมือ) น้ำเชื่อม 60 กรัม (4 ช้อนโต๊ะ) น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม
วิธีทำ : นำต้นบัวบกล้างให้สะอาด หั่นเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำพอท่วมใบบัวบก ปั่นให้ละเอียดกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำอีกครั้งหนึ่ง ที่เหลือคั้นน้ำอีกครั้ง บีบน้ำให้หมด เติมน้ำเชื่อม ชิมรส อาจลดหรือเพิ่มน้ำเชื่อมเล็กน้อยตามชอบ
คุณค่าทางโภชนาการ : พลังงาน 92 กิโล-แคลอรี วิตามินเอ 345 ไมโครกรัม แคลเซียม 392 มิลลิกรัม
รสและสรรพคุณ : แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทำให้สดชื่น แก้อักเสบหรือช้ำใน แก้ปวดศีรษะข้างเดียว

• น้ำลูกเดือย
ส่วนผสม :
ลูกเดือยดิบ 50 กรัม (5 ช้อนโต๊ะ กรัม) น้ำตาลทราย 10 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) น้ำเปล่า 250 กรัม (6 ช้อนโต๊ะ) เกลือเสริมไอโอดีน 1 กรัม (1/5 ช้อนโต๊ะ)
วิธีทำ : นำลูกเดือยล้างให้สะอาด ใส่หม้อ เติมน้ำตั้งไปเคี่ยวจนลูกเดือยสุกเปื่อย ใส่น้ำตาล เกลือป่น ใส่ในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด ชิมรสตามชอบ
รสและสรรพคุณ : ชงเป็นยาเย็น ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดยสถาบันการแพทย์แผนไทย)


ขอขอบพระคุณ : http://www.thaiblogonline.com/bhakbhinya.blog?PostID=13037

13/9/53

การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกขณะอิริยาบถ

การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกขณะอิริยาบถ

ท่านพ่อลี (พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร) พระสายธุดงที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งแห่งภาคอีสาน ได้เคยให้คำอธิบายวิธีการทำสมาธิในชีวิตประจำวัน เวลาที่จะทำสมาธินั้นท่านได้อธิบายอย่างง่ายๆไว้ว่าทำได้ทั้งยืน เดิน นั่ง และนอน ในอิริยบททั้ง ๔ นี้เมื่อใดที่ใจเป็นสมาธิก็ถือว่าเป็นภาวนามัยกุศล ซึ่งถือเป็นกุศลกรรมสิทธิ์เฉพาะตัว ถือว่าได้บุญด้วยอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงพอสรุปจากคำแนะนำของท่านไว้ได้ดังนี้คือ

การยืน
ทำโดยยืนให้ตรง วางมือขวาทับมือซ้าย คว่ำมือทั้งสอง หลับตาหรือลืมตาสุดแท้แต่จะสะดวกในการทำ แล้วเพ่งไปที่คำว่า พุทโธ จนจิตตั้งมั่นได้

การเดิน
เรียกว่าเดินจงกรม ให้กำหนดความสั้น ความยาว ของเส้นทางที่จะเดินสุดแท้แต่เราเอง ควรจะหาสถานที่ และเวลาที่เหมาะสม ไม่อึกทึกครึกโครม และไม่มีสิ่งรบกวนจากรอบข้าง นอกจากนั้นที่ที่จะเดินไม่ควรสูงๆ ต่ำๆ แต่ควรเรียบเสมอกัน เมื่อหาสถานที่และเวลาที่เหมาะสมได้แล้วก็ตั้งสติ อย่าเงยหน้าหรือก้มหน้านัก ให้สำรวมสายตาให้ทอดลงพอดี วางมือทั้งสองลงข้างหน้าทับกันเหมือนกับยืน การเดินแต่ละก้าวก็ให้จิตตั้งมั่นอยู่กับคำบริกรรมว่า พุทโธ โดยเดินอย่างสำรวม ช้าๆ ไม่เร่งรีบ กำหนดรู้ในใจ

การนั่ง
คือนั่งให้สบาย แล้วเพ่งเอาจิตไปที่การบริกรรมคำว่า พุทโธ ท่องภาวนาไว้เป็นอารมณ์ให้กำหนดรู้อยู่ในใจ

การนอน
คือให้นอนตะแคงข้างขวา เอามือขวาวางรองศีรษะ ยืดมือซ้ายไปตามตัว ไม่นอนขด นอนคว่ำ
หรือนอนหงาย แล้วก็สำรวมสติตั้งมั่นด้วยการภาวนาคำว่า พุทโธ ให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว เช่นเดียวกัน


ขอขอบพระคุณ : http://www.salatham.com/meditation/basicmed.htm

19/8/53

การใช้ Jum Menu ในโปรแกรม Dreamweaver

การใช้ Jum Menu ในโปรแกรม Dreamweaver

ขอใส่เป็นรูปภาพนะคะ เพราะ ใส่โค้ดไปแล้ว โค้ดไม่แสดงที่หน้าเพจค่ะ

2/8/53

อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน

1. เหล้าขาวกับลูกพลับ กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้เป็นพิษ
2. หัวไชเท้ากับเห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว กินด้วยกันไม่ได้จะเป็นโรคผิวหนัง
3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้หูหนวก
4. มันฝรั่งกับกล้วยทุกชนิด กินรวมกันไม่ได้จะทำให้หน้าเป็นฝ้า
5. กล้วยกับเผือก กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้ท้องอืด
6. ถั่วลิสงกับฟักทอง กินรวมกันไม่ได้จะทำให้ทำร้ายร่างกายและลำไส้อักเสบ
7. มันเทศกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร
8. มันฝรั่งกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ
9. หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดคอพอก
10. น้ำเต้าหู้ นมสด ห้ามใส่ไข่ เพราะจะทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตับ
11. ผักป๋วยเล้ง ห้ามกินกับเต้าหู้ จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
12. กล้วย มะละกอ แตงโม ห้ามกินด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน
13. ส้มกับมะนาว ห้ามกินด้วยกันจะทำให้กระเพาะทะลุ
14. เหล้าขาวกับเบียร์ ห้ามกินด้วยกันจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
15. ปลาทุกชนิดห้ามต้มกับผักกาดดอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง
16. ขิงดอง ห้ามเข้าตู้เย็น กินแล้วจะเป็นโรคมะเร็ง
17. น้ำเต้าหู้ ห้ามใส่น้ำตาลแดง จะทำให้เสียวิตามิน
18. น้ำข้าวห้ามใส่กับนม จะทำให้เสียวิตามิน
19. น้ำผึ้งห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อนจะทำให้เสียวิตามิน
20. เหล้า เบียร์ กับ ทุเรียน ห้ามกินด้วยกัน เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีดแรง ความดันสูง อันตรายถึงชีวิต
21. บวบ ซือกวย ไชเท้า ห้ามกินวันเดียวกัน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง

20/7/53

มองโลกในแง่ดี กายสดใส ใจเป็นสุข

ในสังคมปัจจุบันนี้มี สิ่งที่เข้ามากระทบชีวิต ความเป็นอยู่ ความรู้สึก นึกคิดของเราทุกวินาที หากเราสัมผัส รับเข้ามาแล้วเราไม่มีสติ ปรับเปลี่ยนไม่เป็น เราก็อาจจะเผลอตัว เผลอใจ เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งนั้นทันที การตอบสนองที่เป็นความดีนั้นก็น่าชื่นชม..แต่การตอบสนองที่ไม่ดีเป็นเรื่อง ที่เราควรระวังให้มาก เพราะทำไปแล้ว ตอบสนองไปแล้วเป็นเรื่องที่จะตามแก้ยาก แม้จะแก้ จะขอโทษไปแล้วแต่ก็มีร่องรอยแผลเป็นในใจของเขาไปตลอดชีวิต..หรือบางเรื่อง อาจจะบอกต่อ เป็นมรดกถ่ายทอดไปยังลูกหลานของเขาด้วย



วันนี้ เรามาฝึก สติ มาฝึกควบคุมปฏิกิริยาการตอบสนองกันหน่อยดีไหม โดยเริ่มจากการฝึกคิดในแง่ดี หรือ การคิดเชิงบวกต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาหาเรา..ถ้าสิ่งที่เข้ามาหาเราแล้วเราไม่ชอบ เราโมโห เราโกรธ..เรามาลองฝึกควบคุมสติ ฝึกปรับเปลี่ยนความคิดของเราตามตัวอย่างต่อไปนี้ครับ...


1.
เพื่อนนินทาเราในเรื่องที่ไม่จริง

เป็น โอกาสดีแล้วที่เพื่อนคนนั้นเป็นกระจกเงาส่องดูตัวเรา อย่างดี ว่าเราอาจจะมี หรือเผลอตัวไปทำอย่างที่เพื่อนคนนั้นว่าก็ได้ เราจะได้มีโอกาสปรับปรุงตัวเอง… หรือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีโอกาสชี้แจงความจริงให้คนอื่นเข้าใจเรามากขึ้น ต้องขอบคุณเพื่อนที่สร้างงโอกาสนี้ให้ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง เพื่อนคนนั้นถ้าเขายังนินทาเราหรือคนอื่น ๆ ไม่หยุด คนอื่นจะไม่คบเขาอีกเลย เพราะกลัวถูกนินทา เขาจะเป็นคนที่น่าสงสารในวันข้างหน้า

2. เพื่อน ยืมเงินแล้วไม่คืน

ไม่ เป็นไร..ขอ กันกินมากกว่านี้ สงสัยชาติที่แล้วเรายืมเขามา ชาตินี้เขาจึงมาเอาคืน ว่าแล้วก็ไปทำบุญกรวดน้ำให้เขาเป็นสุข ให้เราได้บุญกุศล หมดกรรมซะ หากไม่มีเวรกรรมต่อกัน ก็แสดงว่าเขาก่อเวรเอง ชาติหน้าเขาต้องมาใช้เรา ถือว่าทำบุญไว้เผื่อชาติหน้าก็แล้วกัน …พฤติกรรมแบบนี้ถ้าเราไม่ชอบก็ถือเป็นบทเรียนว่าเราอย่ายืมใคร หรือ เราอย่าโกงใคร…คง ไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลัง คดโกงเพื่อนแบบนี้...คราวต่อไปอย่าให้ยืมอีก หรือถ้าจะช่วยเหลือคนอื่นก็ช่วยตามที่สมควร เราไม่เดือดร้อน เราไม่เสียใจภายหลัง

3. แฟน บอกเลิก

ก็ดีนะ ได้เรียนรู้ชีวิตนี่ เป็นการพิสูจน์สัจธรรมอีกครั้งว่า ไม่มีใครที่รักเราเท่าพ่อ แม่ของเรา ..เธอไปก็ดีแล้วหละเราจะได้ว่างเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่รักเรา ที่เลี้ยงเรามา..เราเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วันนี้เอง ไม่มีเขามาตั้งนานเรายังอยู่ได้ วันนี้ไม่มีเขาเราก็อยู่ของเราคนเดียวได้เหมือนเดิม .. เลิกกันวันนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงินแต่ง ไม่ต้องมีภาระเลี้ยงลูก เป็นโสด ไปไหน มาไหนได้สบายดี จะได้มีเวลาพัฒนาตนองให้ดีขึ้นกว่าเดิมเดี๋ยวก็มีคนที่ดีกว่าเธอมาชอบเราเอง แหละ ..ขอบคุณจริง ๆ ที่เลิกกับฉัน

4. รักเขา แต่เขาไม่รักเรา

ไม่ เป็นไร พระท่านว่า ความสุขอยู่ที่การให้ ถ้าเราให้ความรักเขาอย่างบริสุทธิ์ใจแล้ว เราก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ.. อย่าไปหวังอะไรจากเขาเลย เขาก็มีความรู้สึกรัก ไม่รักของเขาเอง บังคับเขาไม่ได้ เรารักเขา ทำความดีกับเขาอย่างสม่ำเสมอเราก็จะมีความสุขสม่ำเสมอแล้ว..ความรักไม่จำ เป็นต้องลงเอยด้วยการแต่งงานเสมอไปหรอกนะ...หรือหากเขาเห็นความดี เขาก็จะรักเราเอง หรือ ถ้าเขาไม่รัก ก็จะมีคนอื่นมารักความดีของเราเอง รักคนที่เขารักเราดีกว่านะ..

5. ช่วยเพื่อนทุกครั้ง แต่เพื่อนยังคิดร้ายกะเราอีก

ปลงซะเถอะโยม..คิดว่าช่วยหมาตกน้ำให้รอด ตายสักตัวก็แล้วกันหมาบางตัวไม่รู้คุณคน ก็ปล่อยมันไปเถอะอย่าไปเลี้ยงดู คบหากับมันอีก เจ้า เพื่อนคนนี้ก็เหมือนกัน เราช่วยแล้วก็แล้วไป ปล่อยเขาไปเถอะอย่านำเรื่องของเขามาคิดให้ใจเราขุ่นมัวเลย เราคิดใจเราก็ เศร้า ใจเรานี่แหละเป็นทุกข์เอง ตัวเพื่อนคนนั้นมันไปหัวเราะมีความสุขที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วเราจะนำเรื่องของเขามาทุกข์ มาทำร้ายใจเราเองทำไม ถ้าคิดถึงเรื่องสุข ใจเราก็เป็นสุข เราเลือกที่จะคิด เลือกที่จะทำ ด้วยตัวเราเองได้นี่นา รักษาความสงบสุขในใจเราไว้ดีกว่านะ

6. เราสอนงานหลายครั้งแล้ว เพื่อนก็ยังทำงานผิดอีก

นี่แหละ พระเจ้ากำลังทดสอบความอดทน อดกลั้นของเรา กำลังสอนเราให้เข้าใจคำว่า " คน" มันก็มีดี มีเสียอย่างนี้แหละ บางเรื่องเข้าใจยาก บางเรื่องเข้าใจง่าย ทำง่าย ..ตัวเราเองก็เคยทำผิดหลายครั้ง.. อย่าโกรธ อย่าโมโหเขาเลยนะ เราน่าจะยิ้มให้ใบหน้าเราสวย ๆ ดีกว่า…หรือ ว่าบางทีเราอาจจะสอนเขาไม่ดี..ลองสอนใหม่ ละเอียดขึ้น ทำให้เขาดูก่อน สอบถามเขาเป็นระยะๆ ให้เขาลองทำให้เราดูว่าเขาเข้าใจไหม ติดตามใกล้ชิดขึ้นอย่ารองานเสร็จแล้วค่อยถาม..เขาน่าจะเข้าใจและไม่ทำผิดอีก

7. หัวหน้าให้มาทำงานวันหยุด

ดีแล้ว เราจะได้ทำงานให้เสร็จก่อนคนอื่น ทำงานมาก บริษัทขายดีมีกำไร เราก็มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงลูก เลี้ยงพ่อแม่ของเรา …วัน หยุดคนน้อย มีสมาธิทำงานดีกว่าวันปกติ ..ไม่มีคนกวนใจ ได้แต่งตัวสวย ๆ ตามสบายไม่ต้องอยู่ในระเบียบ...หัวหน้ากำลังสอนเรา กำลังปั้นเราให้เก่ง ให้รู้หลายเรื่อง เพิ่มความสามารถ เพิ่มประสบการณ์ให้เรา ที่โรงเรียน ที่บ้านไม่มีสอนหรอกนะ ได้ฝึกตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนักถ้าเราทำได้ ทำดีในวันนี้ เราก็อาจจะได้ดีในวันหน้า...

8. พนักงานมาเบิกของในเวลาพัก ขณะงัวเงียจะหลับ

ดี แล้วน้อง ถ้ามัวแต่รอ มัวแต่เกรงใจงานจะไม่ทัน จะเสียเวลาทำงาน บริษัทของเราจะเสียหาย งานของน้องก็เป็นงานของพี่เหมือนกัน หรือวันอื่นพี่จะไปขอความช่วยเหลือจากน้องบ้าง ..พวกเราคนกันเองด้วยกันทั้งนั้น..ไหนมาดูซิเบิกอะไร พี่ช่วยถือไป ส่งไหม...

9. หัวหน้าให้ไปเรียนงานกับคนเราไม่ชอบ

โอกาส ดีที่สุดมาถึงแล้ว ที่เราจะได้มีโอกาสเปิดใจกับเขาตรงไป ตรงมา ที่ผ่านมาเราอาจจะทำไม่ดีกับเขา หรือเราจะไม่เข้าใจกัน จะได้มีโอกาสขอโทษเขา เท่าที่ดูเขาก็เป็นคนดีนะ น่าจะมีความดี ความรู้หลาย ๆ อย่าง ที่เราน่าจะเรียนรู้จากเขา เราจะได้มีเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่ง ยิ้มและเต็มใจที่จะรับโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นกับเรา..ยิ้มและสวัสดีทักทายกับ เขาก่อนดีว่านะ..

10. บริษัทประกาศปิดกิจการ

โอ.. ก็ดีนะ อาจจะเป็นโอกาสที่เราจะได้ลองไปประกอบอาชีพอื่นดูบ้าง หรืออาจจะถึงจังหวะชีวิตที่เราจะได้เป็นเจ้าของกิจการเองแล้วหละ..ลองนั่ง ทบทวนดูว่าเราชอบทำอะไร ..อะไรที่เราทำได้ดี ..อะไรที่เราอยากทำ นั่นแหละคืออนาคตของเรา ..คิดและลงมือทำเลย ถ้าคนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ..ไหน ลองตะโกนบอกตัวเองดัง ๆ 3 ครั้งซิว่า.เราทำได้ เราทำได้และเราทำได้..สู้ ๆ ชีวิตนี้เป็นของเรา..เห็นไหม ความรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย...

เห็นตัวอย่างข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าโลกไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป ถึงแม้บางครั้งพายุปัญหาจะถาโถมเข้ามาแรง หรือบางครั้งจะรู้สึกนอนอยู่ในกองขยะ แต่ถ้า เรามีสติ มีการปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นเชิงบวก ให้คิดในแง่ดีได้ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับคน อยู่กับสังคม อยู่กับพายุ อยู่กับกองขยะอย่างมีความสุขได้ทุกวันครับ ..


เขียนโดย สิทธิศักดิ์ ศรีธรรมวัฒนา
นักเขียนบทความการบริหารงานบุคคล


ขอขอบพระคุณ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/28059.html

19/7/53

ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก


เด็ก หนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา... เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียน อเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบ ด็อกเตอร์....

จึง กลับมาเยี่ยมบ้าน.... .


บ้าน ของเด็กหนุ่ม... อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป... ใช้ เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..

เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มี เหรอ...ลุง... ?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก. ..

มัน ห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว....

โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง... โบราณมาก...

ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง ...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...

ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร... ลุง... ?

80 บาท...

OK... ไปเลยลุง.... !



ใน ขณะที่ลุงแจวเรือ... หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....

ความ ก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกา ให้ลุงฟัง...

เมือง ไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่ กันได้ยังไง... ?

! ทำไมไม่ พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน... ?
ลุง...ลุงใช้ คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์ เน็ต...เป็นไหม... ?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ ไม่เป็น...

โอโฮ้...ล ุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว... 25 %....

แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้ เป็นยังไง... ?

ลุง ไม่รู้หรอก...

ลุง ไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป... 50 %

ลุง....ลุงรู้เรื่อง นโยบายการค้าโลกไหม ...ลุง.... ?

ลุง...ลุง รู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง.... ?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิต ของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ ถึงฝั่ง โน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้....ชีวิตของลุง...หาย ไปแล้ว... 75 %

พอดีช่วงนั้น... เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...

นี่ พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบ ดอกเตอร์จากต่างประเทศ...
ลุงอยา กถามอะไรสักหน่อยได้ไหม... ?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง... ?

เอ็ง ว่ายน้ำเป็นไหม... ?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....


ชีวิต ของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ... แล้วพ่อหนุ่ม..


ขอขอบพระคุณ : FW mail

ดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง ได้ประโยชน์

ประโยชน์ของการ ดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดี
ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า
(ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดรองทางวิทยาศาสตร์
พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100%
(แบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ
โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด
วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก
โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน
โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก



วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว ( 640 ซีซี )
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม
หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที
ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม
ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว
จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด
ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น
เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น แลหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง
จะปวดปัสสาวะ

จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษา ทำให้หายได้ภายในเวลา ดังนี้
1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7. โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน

วิธีเป่าผมให้แห้ง เคล็ดลับจากญี่ปุ่น





ขอขอบพระคุณ : FW mail

9/7/53

ดื่มน้ำออกกำลังกาย ลดอ้วนได้

เมื่อออกกำลังกาย ก็มีโอกาสที่จะเสียน้ำไปกับเหงื่อและการหายใจได้ และถ้าคุณออกกำลังกายทั้งที่ยังขาดน้ำอยู่ คุณก็จะออกกำลังกายไม่ได้นาน เพลีย และมีโอกาสที่จะเกิดตะคริวได้

นั่นเป็นเพราะว่าน้ำช่วยให้การออกกำลังกาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบต่างๆเป็นไปอย่างปกติ ช่วยระบายความร้อน ดังนั้นถ้าขาดน้ำก็จะทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานไม่ได้เต็มที่ ส่วนใหญ่มักจะดื่มน้ำ "น้อยเกินไป" ด้วยซ้ำระหว่างที่ออกกำลังกาย มีงานวิจัย ที่พบว่าส่วนใหญ่ แม้แต่ในกลุ่มนักกีฬาก็ยังดื่มน้ำน้อยเกินไป ส่วนใหญ่ดื่มน้ำเพียงแค่ 30% ของปริมาณน้ำที่เสียไปกับเหงื่อเสียด้วยซ้ำ

แล้วคุณต้องดื่มน้ำ มากเพียงใด
ประการแรก แนะนำให้คุณดื่มน้ำให้เพียงพอการที่ร่างกายต้องการตลอดทั้งวันก่อน จากสูตรของ Melton


ก่อนการออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำ 450 - 600 ซีซี
ก่อนการออกกำลังกาย 15 นาที ให้ดื่มน้ำอีกอีก 240 - 300 ซีซี

และระหว่างการออกกำลังกาย ให้ดื่มน้ำ240 ซีซีทุก 15 นาที


คุณอาจต้องการการดื่มน้ำมากขึ้น ถ้าคุณสูญเสียเหงื่อมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอากาศร้อนและอยู่กลางแจ้ง


หลายๆคนอาจจะใช้เครื่องดื่มเกลือแร่ระหว่างการ ออกกำลังกาย แต่ไม่จำเป็นหรอก ยกเว้นแต่ว่าคุณจะไปวิ่งมาราธอน ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ใช้เวลานานเป็น 2-3 ชั่วโมง เพราะคุณจะเสียเกลือโซเดียมไปกับเหงื่อด้วย (ถ้าคุณออกกำลังกายไม่เกิน 1 ชั่วโมง การเสียเกลือจะไม่มาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่ถ้าคุณออกกำลังกายนานขึ้น คุณจะเสียเกลือมากขึ้น เมื่อนั้นเครื่องดื่มเกลือแร่ก็อาจจำเป็นเพื่อป้องกันภาวะเกลือโซเดียมใน เลือดต่ำ)


ถ้าคุณดื่มน้ำ มากเกินไป !?
เป็นไปได้ แต่ว่ายากมากๆ (อาจต้องดื่มน้ำเป็น 10+ลิตร) ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าโซเดียมในเลือดต่ำ ซึ่งเกิดจากการที่น้ำที่เป็นตัวทำละลายในกระแสเลือดมากเมื่อเทียบกับเกลือ ที่มีปริมาณน้อยในร่างกาย ก็จะทำให้คุณมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลียได้ ดังนั้นถ้าคุณพกแค่กระติกน้ำ ดื่มระหว่างออกกำลังกาย ก็เพียงพอแล้ว


ขอขอบพระคุณ : Never-Age.com

5/7/53

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๒(ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ(นิพพาน) พบองค์อมิตตา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่๓๒(ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ(นิพพาน) พบองค์อมิตตา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ)
พระ โพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ (นิพพาน) พบองค์อมิตตาพุทธเจ้า


"...ทาง ที่ถูกต้องสำหรับเทวะในชั้นฟ้านี้ คือ ปีนป่ายสู่ภูมิที่เหนือขึ้นไป แม้หนทางจะอันตรายยิ่งนัก ทั้งต้องฝ่าฟันป่าแห่งความหลง บึงแห่งความโลภ ผาสูงแห่งความโกรธพยาบาท จนกว่าจะถึงแดนนิรวาณ ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งพระโพธิสัตว์อันรอการจุติยังพิภพโลกเพื่อตรัสรู้เป็นพระ พุทธองค์ ฉายแสงความรักความเมตตาบริสุทธิ์ไปทั่วพิภพจักรวาล" ทวยเทพบนสวรรค์ได้ฟังเทศนาธรรมของพระกวนอิมแล้วต่างรู้สึกเหมือนมีกระจกส่อง ปัญญาแผ่ซ่านไปทั่ว เปล่งแสงเรือง ๆ ไร้จริตราคะครอบงำดังแต่ก่อน กลายเป็นดวงดาวพวยพุ่งสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไปทุกองค์



คณะ เดินทางมาปรากฎร่างในอีกดินแดนหนึ่งซึ่งสาดแสงสว่างจ้าจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ทั้งหมดต่างรับรู้ทางจิตว่าภพแห่งนี้คือ พรหมโลก มีองค์ท้าวมหาพรหมและพรหมเทพรายล้อม ทุกองค์มีแสงเรืองอยู่ในตัว มีความงามอันหาเปรียบไม่ได้ในเมืองมนุษย์ ทัศนียภาพโดยรอบงดงามอย่างน่าพิศวง พระเจ้าเมี่ยวจวงรำพึงว่า "เราสำนึกผิดในความโหดร้ายทารุณอันอาบด้วยโลหิตของผู้บริสุทธิ์ที่เราเคยก่อ กรรมเอาไว้แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจนัก ทำอย่างไรจึงจะได้เข้าสู่เขตแดนอันรุ่งเรืองและบริสุทธิ์นี้หรือ"



พระ กวนอิมกล่าวว่า "เมื่อได้เสวยผลบุญในดินแดนสวรรค์ที่ผ่านมา และรู้แจ้งในความหลงอันลวงตา ประกอบกิจโดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จะได้บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์ นำสรรพสัตว์ผู้รับทุกข์ไปสู่แดนแห่งนิรวาณ มั่นคงในความเที่ยงธรรมดุจเขาพระสุเมรุ มีบุญอันประกอบด้วยเมตตากรุณา ปราศจากอริใด ๆ พวกท่านก็จักได้เข้าสู่อาณาจักรสูงสุดแห่งจักรวาลเช่นนี้" ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้เห็นแสงสว่างแพรวพราวนำทุกคนลอยลิ่วขึ้นสู่หอมณีเพชรัตน์สูงขึ้น ไปหลายอึดใจเผยให้เห็นหมู่เมฆ ดอกไม้สวรรค์แผ่ไพศาลสุดสายตา เบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างเรืองรองพร้อมพระวรกายขององค์อมิตตาพุทธเจ้าประทับ บนแท่นปัทมอาสน์ สูงจนเหลือคณานับ พร้อมพระโพธิสัตว์บริวารรายล้อมลดหลั่นลงไปตามผลบุญ


พระ อมิตตาทรงเปล่งสุรเสียงแสดงธรรมกะหึ่มฟ้าว่า "เราจักแสดงธรรมเพื่อนำทางให้สรรพสัตว์ชนะมูลเหตุแห่งความพินาศทั้งปวง การกระทำแลดิ้นรนในกรรมต่าง ๆ ฉันใด เป็นเหตุย่อมเกิดผลตามมาในสัตว์ทุกผู้ทุกนาม ทว่าพระธรรมนี้เปรียบเสมือนมณีรัตน์ซึ่งฝังอยู่กลางโลก ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยตาเนื้อจนกว่าจะเพียรแสวงหา และนำตนไปสู่โพธิญาณ หลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่แดนนิรวาณบรมสุข อันหาที่สุดมิได้"

ครั้น แล้วคนเหล่านั้นก็บังเกิดความรู้แจ้งพ้นจากกิเลสและความหลง ตั้งจิตเป็นสมาธิเผาราคีที่ติดตัวมาจากโลกมนุษย์จนหมดสิ้น ปรากฏรูปใหม่เป็นกายอันเรืองรองบรรลุแล้วซึ่งความสุข


พระ พุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ละมุนละไมตรัสว่า "นับจากนี้ให้เมี่ยวซ่านผู้ประกอบด้วยมหาการุณย์ ดับทุกข์แก่ชาวโลก ให้มีฉายาว่า พระอวโลกิเตศวร หมายถึง ผู้ได้ยินเสียงร้องปริเวทนา แห่งสัตว์โลก เป็นเทวีศักดิ์สิทธิ์แห่งเกาะทะเลใต้ เมี่ยวอิมและเมี่ยวเวี๋ยนพระพี่นางของเจ้าได้ชำระด้วยไฟแห่งสมาธิเข้าสู่ทาง อันสมบูรณ์ให้มีฉายาว่า พระโพธิสัตว์ผู้บริสุทธิ์งามพร้อม และ พระ โพธิสัตว์ผู้รุ่งเรืองปราศจากมลทิน ส่วนจักรพรรดิเมี่ยวจวงได้สละความหยิ่งทะนงฝ่าฟันอันตรายด้วยตบะ อดทน และสำนึกบาปที่ทำไว้ขอให้เป็น โพธิสัตว์ผู้ทรงชนะแล้ว ทำหน้าที่สำรวจหมู่ชนตามลักษณะความหาญกล้าของท่าน และพระนางเป้าเต๋อมารดาของพระกวนอิม จงได้รับแต่งตั้งเป็น พระโพธิสัตว์ ทรงความดี ทำหน้าที่สำรวจสตรีที่ลือชื่อด้วยเกียรติแห่งความภักดีเช่นเดียวกับตัวท่าน เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์"


ทั้งหมด ได้เสวยสุขในแดนนิรวาณนานชั่วกัลป์ ยกเว้นพระโพธิสัตว์กวนอิมผู้ทรงการุณย์ เพราะทรงไม่ยอมเข้าสู่แดนนิรวาณเช่นคนอื่น ยังคงประทับอยู่ ณ เกาะศักดิ์สิทธิ์ คอยสดับเสียงร่ำร้องของสัตว์โลกแม้อยู่แสนไกล เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้รอดพ้นจากความทุกข์ทน ปรากฏพระเมตตาธิคุณแผ่ไพศาล โปรยปรายความสุขสบายแก่สกลจักรวาลด้วยความรักและเมตตา ประหนึ่งทรงโปรยสายน้ำค้างจากกิ่งหลิวในแจกันทิพย์สู่ผืนดินที่แห้งผาก ให้จิตใจอันหยาบช้าด้วยไฟราคะของมนุษย์ชุ่มชื้นขึ้นด้วยแสงแห่งธรรม เรืองรองสู่หนทางอันประเสริฐตราบนิรันดร์

จบตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ)
โปรด ติดตามต่อ ภาคหลัง อภินิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม เรื่อง "กวนอิมตะกร้าปลา"


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๑
สู่ดิน แดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ


ใน ที่สุดทุกคนก็ถึงที่หมายในเวลาเที่ยงตรงของวันหนึ่ง ซ่านไฉ่นำทุกคนเดินเท้าผ่านทิวทัศน์อันสวยงาม แปลกตา ปลอดโปร่ง และสุขสบายอย่างหาสัมผัสได้ยากบนแดนที่ตนจากมา จนกระทั่งเข้าสู่ป่าไผ่สีม่วง ก็พบปราสาทกลางบึงบัวอันวิจิตรงดงาม ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างลืมเหน็ดเหนื่อย เพราะมีความปรารถนาจะพบพระผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็มหัวใจ



ครั้น แล้วทุกคนก็ได้พบกับพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับอยู่กลางบัลลังก์บัวอย่างสง่า งาม แต่พระองค์กลับไม่มีพระเนตรและพระกรเหลืออยู่เลย ทุกคนได้แต่มองอย่างตกตะลึงและซาบซึ้งในความเสียสละของพระองค์ พระเจ้าเมี่ยวจวงและพระธิดาทั้งสองเพียงแรกเห็นก็จดจำได้ว่านี่คือพระธิดา เมี่ยวซ่านอย่างแน่นอน เพราะแผลเป็นจาง ๆ กลางหน้าผากบ่งบอกได้เด่นชัด พระเจ้าเมี่ยวจวงและสองพระธิดาคร่ำครวญถึงการสูญเสียอย่างไม่อาจหวนคืน พระธิดาสามต้องเป็นผู้พิการไร้มือและดวงตามืดบอดตลอดกาลเป็นเพราะช่วยบิดา แท้ ๆ

แต่ พระโพธิสัตว์กวนอิมตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดาและพระพี่นางที่รัก การสละอินทรีย์เพื่อช่วยผู้ทนทุกข์นับเป็นความยินดียิ่งแห่งเราอย่าได้ เสียใจไปเลย" พระเจ้าเมี่ยวจวงยังคงเสียพระทัยที่พระธิดารักต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงว่า "หากพระบิดาโศกเศร้าอยู่ในห้วงทุกข์ เพราะเราไร้ดวงตาและแขนซ้ายขวา เราก็ขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ร่างกายเรากลับบริบูรณ์ดังเดิมเทอญ" สิ้นคำตรัส แขนซ้ายขวาสีทองนับพันได้ปรากฏขึ้นบนร่างของพระองค์พร้อมดวงตางามกว่านาง อัปสรบนชั้นฟ้า ทุกคนในที่นั้นต่างปีติยินดียิ่งร่ำไห้สวมกอดกันอย่างไม่คิดจะเลิกรา

พระโพธิ สัตว์กวนอิมชี้ทางสว่างด้วยการเทศนาธรรมแก่ทุกคน ทรงแสดงภาพนิมิตถึงภพภูมิแห่ง เปรตอเวจี ให้เห็นว่าผู้ก่อกรรมทำบาป ทุจริตของสาธารณะมาเป็นประโยชน์ส่วนตน จิตใจคับแคบ ห่วงกังวลในสมบัติที่ได้มาโดยมิชอบ ก็จะกลายเป็นเปรต หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นไปได้คือ ได้รับแสงแห่งพระโพธิสัตว์บรรเทาความทุกข์ให้มลายหายไป ทรงเทศนาพระอริยสัจสี่ประการอันเป็นวิถีแห่งบุญ ฝูงเปรตที่ฟังแล้วเกิดปัญญาก็ได้เกิดใหม่ในภพที่รุ่งเรืองกว่าในเทวโลก เปรตตนใดที่ยังหลงมัวเมาก็คงอยู่ต่อไปในเปรตภูมิ



ภาพนี้ คือภาพเจ้าแม่กวนอิมให้อาหารเปรต มีเรื่องเล่าว่า ท่านลงไปเปรตภูมิ เห็นเปรตหิวโหย ท่านโปรยอาหารทิพย์ลงไปให้เปรตทาน แต่เปรตเหล่านั้นเอาเข้าปาก ก็มีไฟพุ่งออกจากปาก ทานอาหารไม่ได้


ต่อมาพระองค์ได้พาทุกคนไปยัง นรกภูมิ เห็นภาพแม่น้ำเดือดพล่าน ต้นไม้ลุกเป็นไฟ มีใบเป็นดาบคมกริบ มีแขนขาลอยฟ่องอยู่ในแม่น้ำ น่าสยดสยอง พระเจ้าเมี่ยวจวงถามว่า "คนบาปชนิดใดจึงตกอยู่ในภพนี้" พระกวนอิมตอบว่า "มนุษย์ผู้กระทำชั่วมหันต์ จำพวกฆ่าชีวิต ข่มขี่คนจน ลักลอบเป็นชู้ หยาบกระด้างด้วยโทสะ โมหะ เผาผลาญจนที่แห่งนี้ลุกเป็นไฟตลอดกาล ต่ำลงไปเป็นขุมนรกแห่งผู้ก่อศึกสงคราม จะต้องรบราฆ่าฟันกันเองนานชั่วกัลป์ ส่วนผู้กระทำความโลภ เลือดเย็นอำมหิต วางยาพิษ คนพวกนี้ต้องอยู่ในความมืดมีน้ำแข็งห่อหุ้มทรมาน และพวกวางอุบายใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ใส่ตน จะไปเกิดแต่ลำพังคนเดียวในโลกมืดบอดไร้ทางออก"


พระ เจ้าเมี่ยวจวงถามถึงหนทางหลุดพ้นของสัตว์นรกเหล่านี้ พระกวนอิมจึงว่า "ภาพเหล่านี้สร้างขึ้นจากมโนญาณ เมื่อจะออกไปได้ต้องละจากบาป ไฟทรมานจึงจะดับลง และกรรมดีจะพาไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่านี้" ทุกคนต่างอยากเห็นภพที่ดีดังกล่าวจึงขอให้พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงพาไป ครั้นแล้วปราสาททิพยวิมานอันวิจิตรตระการตาก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคน เทียบกันแล้วพระราชวังของพระเจ้าเมี่ยวจวงกลายเป็นเพียงกระท่อมหญ้าทันที ส่วนความงามของสองพระธิดาก็ต้องมัวหมองลงเมื่อเปรียบกับความงามของนางอัปสร บนแดนนี้ และ ณ ที่แห่งนี้เองทุกคนก็ได้พบกับพระนางเป้าเต๋อ พระมเหสีและพระมารดาผู้เป็นที่รักของทุกคน พระนางเป้าเต๋อจึงติดตามคณะท่องแดนสวรรค์ เสด็จเคียงข้างพระเจ้าเมี่ยวจวง สร้างความยินดีให้กับทุกคน



พระ กวนอิมตรัสว่า "หากต้องการขึ้นมาอยู่ในเทวภูมินี้ ต้องบำเพ็ญบารมีด้วยการกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา เคารพผู้แก่ชรา สุภาพอ่อนหวานทั้งกาย วาจา ใจ ปราศจากความเห็นแก่ตัว หมั่นบริจาคทาน กล่าวแต่คำสัตย์ และอดกลั้นความโกรธ" คณะท่องดินแดนนรกและสวรรค์เห็นตรงกันว่า ต้องการเสวยสุขในดินแดนแห่งนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมแย้มสรวลอ่อนละมุนแล้วตรัสว่า "แท้จริงแล้ว ชาวสวรรค์เหล่านี้รับความบันเทิงในผลบุญจากปางก่อน แต่ยังมัวเมาหลงงมงามในความสนุกแห่งรูปไม่นานจิตก็จะเสื่อมด้วยอำนาจแห่ง ความหลง สวรรค์ก็จะมลายหายไป เทวดาเหล่านี้ก็จะตกสู่บาปภพเพื่อชดใช้กรรม ไม่ต่างจากคนบาปเมื่อครู่..."

จบตอนที่ ๓๑
ติดตามต่อตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ (นิพพาน) พบองค์อมิตตาพุทธเจ้า


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๐ ผลกรรมแสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๐ ผลกรรมแสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๐
ผลกรรม แสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา



เมื่อ แรกในระหว่างการเดินทาง ซึ่งมีแต่น้ำกับฟ้าเป็นทิวทัศน์อันไร้จุดสิ้นสุด ทำให้ทุกคนรู้สึกเบื่อหน่าย ซ่านไฉ่จึงเทศนาธรรมให้คณะเดินทางหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทางโลก ปราศจากคำสรรเสริญเยินยอ ละจากโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง ทุกคนจึงตั้งมั่นในพุทธธรรม ปฏิบัติวิปัสสนาอยู่เป็นนิจ



เมื่อ ไกลห่างจากอาณาจักรซิงหลิง อกุศลกรรมที่พระเจ้าเมี่ยวจวงเคยก่อก็ส่งผลทันตาเห็น เมื่อท้องฟ้าอันสงบกลับดำมืดก่อกลุ่มเป็นพายุขึ้นที่ขอบฟ้า พัดพุ่งเข้าหาเรือสำเภาของคณะเดินทาง ท้องทะเลปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดลมก็พัดเรือมาติดยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง

ชาววังซึ่งเคยออกทะเล เป็นครั้งแรก หวาดกลัวเป็นอย่างมากพากันลงจากเรือมาหลบภัยจากทะเลยังเกาะร้าง แต่ทว่าความวิปริตแปรปรวนของเกาะนี้ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ไม่แพ้กัน



เมื่อ เกาะนี้เป็นจุดบรรจบของความร้อนจัดและหนาวยะเยือกมาประสานกัน กลางเกาะมีภูเขาไฟที่ปกคลุมด้วยหิมะแต่ภายในมีความร้อนระอุพร้อมระเบิดอยู่ ทุกเมื่อ ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอาศัยอยู่เลย ภิกษุซ่านไฉ่เดินนำด้วยกิริยาอันสงบ พาทุกคนเข้าพักในถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นภูเขาไฟกลางเกาะก็ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น กองหินมหึมาถล่มลงมาปิดปากถ้ำพอดี ทุกคนกลัวจนตัวสั่น ภิกษุซ่านไฉ่ปลอบใจและเดินนำหาทางออก



ใน ถ้ำมีแสงสว่างเพียงอย่างเดียวคือคบเพลิงในมือต้นหนเรือ ตามมาด้วยภิกษุซ่านไฉ่ พระเจ้าเมี่ยวจวง พระธิดา และผู้จงรักภักดี ลึกเข้าไปในถ้ำความร้อนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น รอบด้านเต็มไปด้วยบ่อหินหลอมเหลวร้อนระอุ บางบ่อมีควันพิษพุ่งขึ้นมา ทุกคนเริ่มหายใจติดขัด ต่างคิดว่านี้เป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้ พระเจ้าเมี่ยวจวงรำพึงถึงความสุขสบายสมัยอยู่ในราชวังจนเกือบเปลี่ยนใจไม่ เชื่อถือในพุทธธรรม เพราะขณะนี้ทรมานไม่ต่างจากขุมนรก ซ่านไฉ่จึงกล่าวว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลกรรมที่พระองค์เคยกระทำมายามเสวยสุขบนความทุกข์ของ ราษฎร พระองค์จงตั้งมั่นถึงพระพุทธคุณด้วยจิตอันภักดีเถิด ความทุกข์จะกลายเป็นสวรรค์ แม้ปีศาจแวดล้อมอยู่ก็มิอาจทำอะไรพระองค์ได้"



พระ เจ้าเมี่ยวจวงได้รับการชี้แนะก็ทรงรู้สึกเหมือนมองเห็นทางสว่าง ตั้งจิตมั่นถึงพระพุทธองค์ว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยใจเคารพ โปรดช่วยคุ้มครองให้ความทุกข์ดั่งอยู่ในอเวจีของข้าพเจ้าทั้งหลายจงหายไป เพื่อจะได้เดินทางไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จด้วยเทอญ" สิ้นรับสั่ง ผนังถ้ำด้านหนึ่งก็แยกออกเผยให้เห็นเทพนักรบกวัดแกว่งง้าวเหล็กผ่าผนังถ้ำ ออกอย่างง่ายดาย ทำให้เหล่านักเดินทางหลุดออกมาจากถ้ำมรณะแห่งนั้นได้ แต่ทว่ามีมังกรตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากปากถ้ำโดยพร้อมกัน มังกรยักษ์นั้นลอยอยู่ในอากาศอ้าปากคำรามก้อง เมื่อเห็นว่าเหยื่อของตนหลุดออกไปเพราะฝีมือแห่งเทพ



มังกร ยักษ์ทะยานเข้าต่อสู้กับเทพถือง้าว แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของมังกรก็ถูกฟันขาดเป็นแนวยาว ตกลงพื้นเสียงดังสนั่น เกิดเพลิงลุกไหม้ทั่วร่างเป็นต้นกำเนิดฝูงปีศาจจำนวนมหาศาลผุดขึ้นมาอย่าง ไม่หยุดยั้ง ปีศาจน่าขยะแขยงกระโดดมารายล้อมกลุ่มมนุษย์อย่างกระหายเลือด ทุกคนต่างหวาดกลัวยิ่งนัก ยกเว้นภิกษุซ่านไฉ่ที่ยังคงสงบนิ่งพนมมือ ภาวนาอย่างมีสมาธิทุกคนจึงทำตาม ต่างระลึกถึงพระพุทธคุณ วิงวอนให้ตนรอดพ้นจากภยันตราย ทันใดนั้น บนท้องฟ้าได้ปรากฏกองทัพเทพทรงเครื่องรบพร้อมอาวุธ เปล่งแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด ปีศาจทั้งหลายเหาะขึ้นไปต่อสู้เกิดเป็นสงครามกลางท้องฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว



ใน ที่สุดเหล่าปีศาจก็สิ้นชีพด้วยฤทธิ์แห่งทวยเทพ ท้องฟ้าและท้องทะเลอันวิปริตแปรปรวนได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ซ่านไฉ่และคณะเดินทางกราบคารวะผองเทพผู้ปราบมารอย่างนบน้อม เหล่าเทวะก็เหาะคืนสู่ชั้นฟ้าดังเดิม คงเหลือแต่เทพผู้ถือง้าวได้เนรมิตเรือแก้วเจ็ดประการอันแข็งแกร่งให้แก่คณะ เดินทาง สร้างความยินดีให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก เมื่อขึ้นเรือหมดทุกคนแล้ว เทพถือง้าวกล่าวขึ้นว่า "นาวาลำนี้สร้างขึ้นเพื่อให้สัตว์โลกอาศัยข้ามความเกิดและความตาย ทุกคนจงมีจิตศรัทธาละทิ้งความกลัวเสีย นาวานี้จะนำพวกเจ้าออกจากเกาะแห่งทุกข์ระทมที่พลัดหลงเข้ามาเพราะบ่วงกรรม พระเมตตาแห่งพระโพธิสัตว์จะเป็นเครื่องป้องกันอันตรายมิให้อับปางด้วยพายุ เด็ดขาด จงไปเถิด"


เรือ แก้วเจ็ดประการ


นาวานั้นนำทางทุกคนมาสู่ท้องทะเลอันสงบ เมฆขาวลอยฟ่องดังปุยนุ่นบนท้องฟ้า แสงอาทิตย์มิได้แผดกล้าร้อนแรง แต่กลับเป็นแสงทองอันอบอุ่นส่องนำทาง ฝูงนกโบยบินอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของมวลบุปผาจากแดนไกลลอยมาอย่างประหลาด เป็นสัญญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว

จบตอนที่ ๓๐
ติดตาม ต่อตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

รวมกลุ่มทั้งหมด

24fair.com (1) 5 พ.ค. (1) 9leather.com (1) กฎแห่งกรรม (1) กรรมชั่ว (2) กรรมฐาน (1) กรรมดี (2) กรรมสัมพันธ์กับตระกูลลู่ (1) กระดาษเหน็บเท้า (1) กระเป๋า (1) กรุ๊ปเลือด (1) กาแฟ (1) กายสดใส (1) การใช้ Articles a an the (1) การตามหาบัวหิมะ (1) การทำสมาธิ (1) การแปลงหน่วย (1) การเผชิญความหนาวเหน็บ (1) การเมือง (1) การรักษาพระเจ้าเมี่ยวจวงและการสละราชสมบัติ (1) การรับบทลงโทษที่หนักขึ้น (1) การเริ่มศึกษาพระธรรม (1) การเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา (1) การอำลาเพื่อมุ่งสู่ทางธรรม (1) กำเนิดพระธิดาเมี่ยว ซ่าน (1) กำไรของชีวิต (1) กุนเชียงไหม้ (1) กุศลกรรม (1) แก้ปัญหาเหน็บชา (1) ขวาน (1) ข้อคิด (1) ขอให้ทหารปลอดภัย (1) ขายภาพ (1) ขายไอศกรีมเนสท์เล่ทำยังไง (1) ขายไอศครีม (1) ข่าวเงียบจัง (1) ขำๆ (2) เขียนตัวหนังสือกลับด้าน (1) เขียนตัวหนังสือกลับหัว (1) ไข่ พระอาทิตย์ (1) คนทำลายชาติขอให้ตายตกไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ (1) คนทำเว็บ (2) ครีมบ้านครีม (1) ครีมมยุรา (1) ครีมยูร่า (1) คลิป (1) ความเชื่อ (1) ความฝัน (1) ความรัก (1) ความสวยความงาม (13) ความหมาย website และ webpage (1) ค่าเงิน (1) คาถาเงินล้าน (1) คาถาแผ่เมตตา (1) คำคมปู่เย็น (1) คำปั๋นปอนปี๋ใหม่ (1) คำอวยพร (1) คำอวยพรปีใหม่ (1) คิดบวก (1) คุณเคยเป็นเหน็บชาไหม (1) คุณทหาร (2) เครื่องสำอาง (3) เคล็ดลับ (1) งานสาวดอย (2) งานเสริม (1) จ.น่าน (1) เจนิเฟอร์ โลเปซ (1) เจ้ากรรมนายเวร (1) เจ้านาย (1) ใจเป็นสุข (1) ฉัตรมงคล (1) ช่อง3 (1) ชอบ (1) ชายตัดต้นไม้ (1) ชื่นชอบ (1) ชื่อ (1) ชุดทดลอง (1) ญี่ปุ่น (1) ดวง (1) ดอย (2) ดารา (1) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (1) ดื่มน้ำ (1) ดื่มน้ำสมุนไพรเวลาไหนดี (1) ดื่มน้ำ-ออกกำลังกาย ลดอ้วน (1) ดูแลผิวแต่ละสัปดาห์ (1) ดูอย่างไรเครื่องสำอางค์หมดอายุ (1) เด็กซนทำเรื่องและการบรรลุธรรม (1) เดิน (1) โดยสาวดอย (1) ไดร์ผม (1) ตลก (1) ต่อมน้ำเหลือง (1) ตัดเล็บอย่างไรให้มีโชค (1) ต้านอนุมูลิอสระ (1) ตำนานเจ้าแม่กวนอิม (33) ตำรวจ (1) ตุนของ (1) ตู้เนสท์เล่ (1) แต่งหน้าสวยๆ (1) ถูกแบน (1) แถบสีหลอดยาสีฟัน (1) ทรงพระเจริญ (1) ทหาร (1) ท่องเที่ยว (1) ท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ (1) ท้องผูก (1) ท่องพรหมโลก (1) ทำความดี (1) ทำดีเป็นสิ่งที่ดี (1) ทำเพื่อเธอนะ (1) ทำเว็บไซต์ (3) ทำเว็บไซต์เพื่อในหลวง (1) เทวดา (1) เท้า (1) ธรรมะ (9) ธรรมะสำหรับคนเกิดวันจันทร์ (1) นวดหน้า (1) นอน (1) นักพรตเฒ่าลึกลับ (1) นั่ง (1) นั่งหน้ามัน (1) น้ำขิง (1) น้ำสมุนไพร (1) น้ำหนัก (1) นิคกี้9นิ้ว (1) นูสกิน (1) เนย ซินญอริต้า (1) เนื้อร้อง (2) แนะำนำตัว (1) ในหลวง (3) บททดสอบก่อนออกบวช (1) บทสวด (1) บทสวดคาถาเงินล้าน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (1) บทสวดมนต์ช่วยให้หายโรคภัย (1) บริษัททำงาน (1) บัวหิมะ (1) บีบีครีม (1) เบาหวาน (1) แบรนด์ (1) ประชาชน (1) ประเทศไทย (1) ประโยชน์ (2) ประโยชน์ของกาแฟ (1) ประวัติ (1) ประหารพระธิดา (1) ปลาเค็ม (1) ปวดหลัง (2) ปวดเอว (1) ปวดเอวซ้าย (1) ปาฏิหารย์จากแรงภาวนา (1) ปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา (1) ปู่เย็น แก้วมะณี (1) เป็นหวัด (1) แปลงภาพ (1) ผลกรรมแสดงฤทธิ์ (1) ผิวหน้าเนียน (1) แผนชั่วของสองราชบุตรเขย (1) แผ่เมตตาตนเอง (1) แผ่เมตตาพรหมวิหารสี่ (1) ฝัน (1) พระคุ้มครอง (2) พระเจ้าเมี่ยวจวงกลับใจ (1) พระเจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย (1) พระเทพ (1) พระธาตุแช่แห้ง (1) พระธิดาน้อยกับวีรกรรมในสวนอุทยาน (1) พระธิดาเมี่ยวซ่านออกบวช (1) พระบรมราชาภิเษก (1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (1) พระโพธิสัตว์ (28) พระราชประวัติในหลวง (1) พระอาจารย์คึกฤทธิ์ (1) พลังตัวเลข (1) พายุ เรือ (1) พิมพ์เลขยกกำลัง (1) เพลงที่ชอบ (2) โพชฌังคปริตร (1) ฟอร์จูนชั้น3 (1) ฟังก์ชั่น (1) ภัยร้ายครั้งใหม่ (1) ภาพการ์ตูน (1) ภาพนิมิตในสมาธิ (1) ภูเพียงพระธาตุแช่แห้ง (1) มนต์สะกดแห่งขุนเขา (2) มนุษย์ขนและสมาชิกใหม่ (1) มวล (1) มองโลกในแง่ดี (1) มาม่าหมดอายุ (1) มารในนิมิต (1) มีกลิ่นปาก (1) เมี่ยวซ่าน (25) แม่ (1) ไม่ได้เป็นเว็บมาสเตอร์ (1) ยาที่ควรกินคู่กัน (1) ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน (1) ยืดกล้ามเนื้อแก้ปวดหลัง (1) ยืน (1) โยเกิร์ต (1) โยเกิร์ตทำเอง (1) รถหาย (1) รวมชื่อแบรนด์ (1) รองเท้า (1) รักคือ (1) รักษา (2) รัชดา17 (1) รับจ้าง (1) รับทำภาพถ่ายเป็นภาพวาดการ์ตูน (1) รับฝากซื้อวิตามินไอเฮิร์ป iherb (1) รับสกรีนเสื้อ (1) รับสั่งซื้อวิตามินอเมริกา (1) ราชปรารภ (2) ร่ำรวย (1) เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม (1) เริ่มศึกษาพระธรรม (1) เรือ (1) เรื่องของกลิ่นปาก (1) เรื่องย่อละคร (1) เรื่องเล่าสาวดอย (26) โรคตับจากสุรา (1) ลดน้ำหนัก (1) ลดอ้วน (1) ลมจ๋า - โจแฟ็กซ์ (1) ลอยกระทงออนไลน์ (1) ลักษณะของดาวจันทร์ (1) ลิงค์เว็บ (1) ลุงแจวเรือจ้าง (1) เลข 1-100 (1) เลื่อมพรายลายรัก (1) และแดนนิรวาณ(นิพพาน) (1) วัด (3) วัดนาป่าพง (1) วัดเล่งเน่ยยี่ 2 (1) วันดี (1) วันนี้เก่งจัง (1) วันมาฆบูชา (1) วันสำคัญ (1) วิตามินอเมริกา (1) วิตามินไอเฮิร์ป (1) วิธีติดโค้ด adsense (1) วิธีแต่งหน้า (1) วิธีทาครีม (1) วิธีปลูกองุ่น (1) วิธีเป่าผมให้แห้ง (1) วิธีเลี้ยงบัวหิมะ (1) เว็บมาสเตอร์ (2) แว่นตา (1) ศรีริต้า เจนเซ่น (1) สงกรานต์ (1) ส่งเว็บเข้าประกวดไม่ทัน (1) สถานที่ (1) สมัครสมาชิกขายภาพ (1) สอนทำโฮมเพจ (2) สัพปีตีโย (1) สัมมาทิฐิ (1) สาวดอย (3) สาเหตุ (1) สิว (1) สีทาบ้าน (1) สีที่ช่วยเพิ่มพลังของโชคลาภเงินทอง (1) สี่พยัคฆ์ร้าย (1) สืบค้นข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ (1) สุขภาพ (7) สูตรขนม (1) สูตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (1) สูตรทำขนมไมตรี (1) สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง (1) เสธ.แดงลาโลกแล้ว (1) เสียงปืน (3) เสียงปืนดังอีกแล้ว (1) เสียใจ (1) เสื้อแดง (3) เสื้อผ้า (1) เสื้อเหลือง (1) หน้าแห้งลอก (1) หน้าแห้งลอกเป็นขุย (1) หนุ่มนักเรียนนอก (1) หลีกเลี่ยง (1) หารายได้จาก google adsense (1) ให้ ปลดออกไปเป็นสามัญชน (1) อกุศลกรรม (1) อพยพ (1) อยากขายไอศกรีมเนสท์เล่ (1) ออกกำลังกาย (3) ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด (1) ออกเดินทางและอันตราย (1) อัดเสียงไว้ (1) อั๋น วิทยา (1) อาหาร (3) อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน (1) อาหารฤทธิ์เย็น (1) อาหาร ฤทธิ์ร้อน (1) โฮมเมดโยเกิร์ต (1) a (1) An (1) BB (1) BBcream (1) Coffee (1) cosmetic (1) domainForSale (1) favicon (1) FW mail (1) google adsense (2) ico (1) icon (1) iherb (1) iherb.com (1) iherb vitamin (1) iWiSoft Flash SWF Downloader (1) jofax (1) jumMenu (1) KAครีม (1) load flash (1) MV (2) nestle (1) ourking.in.th (1) Qr Code (1) The (1) vitamin (1) vitamin USA (1) wishscreen (1) word (1)