ตอนที่ ๓๐
ผลกรรม แสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา
เมื่อ แรกในระหว่างการเดินทาง ซึ่งมีแต่น้ำกับฟ้าเป็นทิวทัศน์อันไร้จุดสิ้นสุด ทำให้ทุกคนรู้สึกเบื่อหน่าย ซ่านไฉ่จึงเทศนาธรรมให้คณะเดินทางหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทางโลก ปราศจากคำสรรเสริญเยินยอ ละจากโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง ทุกคนจึงตั้งมั่นในพุทธธรรม ปฏิบัติวิปัสสนาอยู่เป็นนิจ
เมื่อ ไกลห่างจากอาณาจักรซิงหลิง อกุศลกรรมที่พระเจ้าเมี่ยวจวงเคยก่อก็ส่งผลทันตาเห็น เมื่อท้องฟ้าอันสงบกลับดำมืดก่อกลุ่มเป็นพายุขึ้นที่ขอบฟ้า พัดพุ่งเข้าหาเรือสำเภาของคณะเดินทาง ท้องทะเลปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดลมก็พัดเรือมาติดยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง
ชาววังซึ่งเคยออกทะเล เป็นครั้งแรก หวาดกลัวเป็นอย่างมากพากันลงจากเรือมาหลบภัยจากทะเลยังเกาะร้าง แต่ทว่าความวิปริตแปรปรวนของเกาะนี้ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ไม่แพ้กัน
เมื่อ เกาะนี้เป็นจุดบรรจบของความร้อนจัดและหนาวยะเยือกมาประสานกัน กลางเกาะมีภูเขาไฟที่ปกคลุมด้วยหิมะแต่ภายในมีความร้อนระอุพร้อมระเบิดอยู่ ทุกเมื่อ ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอาศัยอยู่เลย ภิกษุซ่านไฉ่เดินนำด้วยกิริยาอันสงบ พาทุกคนเข้าพักในถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นภูเขาไฟกลางเกาะก็ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น กองหินมหึมาถล่มลงมาปิดปากถ้ำพอดี ทุกคนกลัวจนตัวสั่น ภิกษุซ่านไฉ่ปลอบใจและเดินนำหาทางออก
ใน ถ้ำมีแสงสว่างเพียงอย่างเดียวคือคบเพลิงในมือต้นหนเรือ ตามมาด้วยภิกษุซ่านไฉ่ พระเจ้าเมี่ยวจวง พระธิดา และผู้จงรักภักดี ลึกเข้าไปในถ้ำความร้อนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น รอบด้านเต็มไปด้วยบ่อหินหลอมเหลวร้อนระอุ บางบ่อมีควันพิษพุ่งขึ้นมา ทุกคนเริ่มหายใจติดขัด ต่างคิดว่านี้เป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้ พระเจ้าเมี่ยวจวงรำพึงถึงความสุขสบายสมัยอยู่ในราชวังจนเกือบเปลี่ยนใจไม่ เชื่อถือในพุทธธรรม เพราะขณะนี้ทรมานไม่ต่างจากขุมนรก ซ่านไฉ่จึงกล่าวว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลกรรมที่พระองค์เคยกระทำมายามเสวยสุขบนความทุกข์ของ ราษฎร พระองค์จงตั้งมั่นถึงพระพุทธคุณด้วยจิตอันภักดีเถิด ความทุกข์จะกลายเป็นสวรรค์ แม้ปีศาจแวดล้อมอยู่ก็มิอาจทำอะไรพระองค์ได้"
พระ เจ้าเมี่ยวจวงได้รับการชี้แนะก็ทรงรู้สึกเหมือนมองเห็นทางสว่าง ตั้งจิตมั่นถึงพระพุทธองค์ว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยใจเคารพ โปรดช่วยคุ้มครองให้ความทุกข์ดั่งอยู่ในอเวจีของข้าพเจ้าทั้งหลายจงหายไป เพื่อจะได้เดินทางไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จด้วยเทอญ" สิ้นรับสั่ง ผนังถ้ำด้านหนึ่งก็แยกออกเผยให้เห็นเทพนักรบกวัดแกว่งง้าวเหล็กผ่าผนังถ้ำ ออกอย่างง่ายดาย ทำให้เหล่านักเดินทางหลุดออกมาจากถ้ำมรณะแห่งนั้นได้ แต่ทว่ามีมังกรตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากปากถ้ำโดยพร้อมกัน มังกรยักษ์นั้นลอยอยู่ในอากาศอ้าปากคำรามก้อง เมื่อเห็นว่าเหยื่อของตนหลุดออกไปเพราะฝีมือแห่งเทพ
มังกร ยักษ์ทะยานเข้าต่อสู้กับเทพถือง้าว แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของมังกรก็ถูกฟันขาดเป็นแนวยาว ตกลงพื้นเสียงดังสนั่น เกิดเพลิงลุกไหม้ทั่วร่างเป็นต้นกำเนิดฝูงปีศาจจำนวนมหาศาลผุดขึ้นมาอย่าง ไม่หยุดยั้ง ปีศาจน่าขยะแขยงกระโดดมารายล้อมกลุ่มมนุษย์อย่างกระหายเลือด ทุกคนต่างหวาดกลัวยิ่งนัก ยกเว้นภิกษุซ่านไฉ่ที่ยังคงสงบนิ่งพนมมือ ภาวนาอย่างมีสมาธิทุกคนจึงทำตาม ต่างระลึกถึงพระพุทธคุณ วิงวอนให้ตนรอดพ้นจากภยันตราย ทันใดนั้น บนท้องฟ้าได้ปรากฏกองทัพเทพทรงเครื่องรบพร้อมอาวุธ เปล่งแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด ปีศาจทั้งหลายเหาะขึ้นไปต่อสู้เกิดเป็นสงครามกลางท้องฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว
ใน ที่สุดเหล่าปีศาจก็สิ้นชีพด้วยฤทธิ์แห่งทวยเทพ ท้องฟ้าและท้องทะเลอันวิปริตแปรปรวนได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ซ่านไฉ่และคณะเดินทางกราบคารวะผองเทพผู้ปราบมารอย่างนบน้อม เหล่าเทวะก็เหาะคืนสู่ชั้นฟ้าดังเดิม คงเหลือแต่เทพผู้ถือง้าวได้เนรมิตเรือแก้วเจ็ดประการอันแข็งแกร่งให้แก่คณะ เดินทาง สร้างความยินดีให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก เมื่อขึ้นเรือหมดทุกคนแล้ว เทพถือง้าวกล่าวขึ้นว่า "นาวาลำนี้สร้างขึ้นเพื่อให้สัตว์โลกอาศัยข้ามความเกิดและความตาย ทุกคนจงมีจิตศรัทธาละทิ้งความกลัวเสีย นาวานี้จะนำพวกเจ้าออกจากเกาะแห่งทุกข์ระทมที่พลัดหลงเข้ามาเพราะบ่วงกรรม พระเมตตาแห่งพระโพธิสัตว์จะเป็นเครื่องป้องกันอันตรายมิให้อับปางด้วยพายุ เด็ดขาด จงไปเถิด"
เรือ แก้วเจ็ดประการ
นาวานั้นนำทางทุกคนมาสู่ท้องทะเลอันสงบ เมฆขาวลอยฟ่องดังปุยนุ่นบนท้องฟ้า แสงอาทิตย์มิได้แผดกล้าร้อนแรง แต่กลับเป็นแสงทองอันอบอุ่นส่องนำทาง ฝูงนกโบยบินอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของมวลบุปผาจากแดนไกลลอยมาอย่างประหลาด เป็นสัญญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว
จบตอนที่ ๓๐
ติดตาม ต่อตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ
ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและแสดงความคิดเห็นนะคะ ^^