20/7/53

มองโลกในแง่ดี กายสดใส ใจเป็นสุข

ในสังคมปัจจุบันนี้มี สิ่งที่เข้ามากระทบชีวิต ความเป็นอยู่ ความรู้สึก นึกคิดของเราทุกวินาที หากเราสัมผัส รับเข้ามาแล้วเราไม่มีสติ ปรับเปลี่ยนไม่เป็น เราก็อาจจะเผลอตัว เผลอใจ เกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งนั้นทันที การตอบสนองที่เป็นความดีนั้นก็น่าชื่นชม..แต่การตอบสนองที่ไม่ดีเป็นเรื่อง ที่เราควรระวังให้มาก เพราะทำไปแล้ว ตอบสนองไปแล้วเป็นเรื่องที่จะตามแก้ยาก แม้จะแก้ จะขอโทษไปแล้วแต่ก็มีร่องรอยแผลเป็นในใจของเขาไปตลอดชีวิต..หรือบางเรื่อง อาจจะบอกต่อ เป็นมรดกถ่ายทอดไปยังลูกหลานของเขาด้วย



วันนี้ เรามาฝึก สติ มาฝึกควบคุมปฏิกิริยาการตอบสนองกันหน่อยดีไหม โดยเริ่มจากการฝึกคิดในแง่ดี หรือ การคิดเชิงบวกต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาหาเรา..ถ้าสิ่งที่เข้ามาหาเราแล้วเราไม่ชอบ เราโมโห เราโกรธ..เรามาลองฝึกควบคุมสติ ฝึกปรับเปลี่ยนความคิดของเราตามตัวอย่างต่อไปนี้ครับ...


1.
เพื่อนนินทาเราในเรื่องที่ไม่จริง

เป็น โอกาสดีแล้วที่เพื่อนคนนั้นเป็นกระจกเงาส่องดูตัวเรา อย่างดี ว่าเราอาจจะมี หรือเผลอตัวไปทำอย่างที่เพื่อนคนนั้นว่าก็ได้ เราจะได้มีโอกาสปรับปรุงตัวเอง… หรือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีโอกาสชี้แจงความจริงให้คนอื่นเข้าใจเรามากขึ้น ต้องขอบคุณเพื่อนที่สร้างงโอกาสนี้ให้ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง เพื่อนคนนั้นถ้าเขายังนินทาเราหรือคนอื่น ๆ ไม่หยุด คนอื่นจะไม่คบเขาอีกเลย เพราะกลัวถูกนินทา เขาจะเป็นคนที่น่าสงสารในวันข้างหน้า

2. เพื่อน ยืมเงินแล้วไม่คืน

ไม่ เป็นไร..ขอ กันกินมากกว่านี้ สงสัยชาติที่แล้วเรายืมเขามา ชาตินี้เขาจึงมาเอาคืน ว่าแล้วก็ไปทำบุญกรวดน้ำให้เขาเป็นสุข ให้เราได้บุญกุศล หมดกรรมซะ หากไม่มีเวรกรรมต่อกัน ก็แสดงว่าเขาก่อเวรเอง ชาติหน้าเขาต้องมาใช้เรา ถือว่าทำบุญไว้เผื่อชาติหน้าก็แล้วกัน …พฤติกรรมแบบนี้ถ้าเราไม่ชอบก็ถือเป็นบทเรียนว่าเราอย่ายืมใคร หรือ เราอย่าโกงใคร…คง ไม่มีใครหรอกที่จะไว้ใจคนที่หักหลัง คดโกงเพื่อนแบบนี้...คราวต่อไปอย่าให้ยืมอีก หรือถ้าจะช่วยเหลือคนอื่นก็ช่วยตามที่สมควร เราไม่เดือดร้อน เราไม่เสียใจภายหลัง

3. แฟน บอกเลิก

ก็ดีนะ ได้เรียนรู้ชีวิตนี่ เป็นการพิสูจน์สัจธรรมอีกครั้งว่า ไม่มีใครที่รักเราเท่าพ่อ แม่ของเรา ..เธอไปก็ดีแล้วหละเราจะได้ว่างเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่รักเรา ที่เลี้ยงเรามา..เราเพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วันนี้เอง ไม่มีเขามาตั้งนานเรายังอยู่ได้ วันนี้ไม่มีเขาเราก็อยู่ของเราคนเดียวได้เหมือนเดิม .. เลิกกันวันนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงินแต่ง ไม่ต้องมีภาระเลี้ยงลูก เป็นโสด ไปไหน มาไหนได้สบายดี จะได้มีเวลาพัฒนาตนองให้ดีขึ้นกว่าเดิมเดี๋ยวก็มีคนที่ดีกว่าเธอมาชอบเราเอง แหละ ..ขอบคุณจริง ๆ ที่เลิกกับฉัน

4. รักเขา แต่เขาไม่รักเรา

ไม่ เป็นไร พระท่านว่า ความสุขอยู่ที่การให้ ถ้าเราให้ความรักเขาอย่างบริสุทธิ์ใจแล้ว เราก็มีความสุขแล้วไม่ใช่หรือ.. อย่าไปหวังอะไรจากเขาเลย เขาก็มีความรู้สึกรัก ไม่รักของเขาเอง บังคับเขาไม่ได้ เรารักเขา ทำความดีกับเขาอย่างสม่ำเสมอเราก็จะมีความสุขสม่ำเสมอแล้ว..ความรักไม่จำ เป็นต้องลงเอยด้วยการแต่งงานเสมอไปหรอกนะ...หรือหากเขาเห็นความดี เขาก็จะรักเราเอง หรือ ถ้าเขาไม่รัก ก็จะมีคนอื่นมารักความดีของเราเอง รักคนที่เขารักเราดีกว่านะ..

5. ช่วยเพื่อนทุกครั้ง แต่เพื่อนยังคิดร้ายกะเราอีก

ปลงซะเถอะโยม..คิดว่าช่วยหมาตกน้ำให้รอด ตายสักตัวก็แล้วกันหมาบางตัวไม่รู้คุณคน ก็ปล่อยมันไปเถอะอย่าไปเลี้ยงดู คบหากับมันอีก เจ้า เพื่อนคนนี้ก็เหมือนกัน เราช่วยแล้วก็แล้วไป ปล่อยเขาไปเถอะอย่านำเรื่องของเขามาคิดให้ใจเราขุ่นมัวเลย เราคิดใจเราก็ เศร้า ใจเรานี่แหละเป็นทุกข์เอง ตัวเพื่อนคนนั้นมันไปหัวเราะมีความสุขที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วเราจะนำเรื่องของเขามาทุกข์ มาทำร้ายใจเราเองทำไม ถ้าคิดถึงเรื่องสุข ใจเราก็เป็นสุข เราเลือกที่จะคิด เลือกที่จะทำ ด้วยตัวเราเองได้นี่นา รักษาความสงบสุขในใจเราไว้ดีกว่านะ

6. เราสอนงานหลายครั้งแล้ว เพื่อนก็ยังทำงานผิดอีก

นี่แหละ พระเจ้ากำลังทดสอบความอดทน อดกลั้นของเรา กำลังสอนเราให้เข้าใจคำว่า " คน" มันก็มีดี มีเสียอย่างนี้แหละ บางเรื่องเข้าใจยาก บางเรื่องเข้าใจง่าย ทำง่าย ..ตัวเราเองก็เคยทำผิดหลายครั้ง.. อย่าโกรธ อย่าโมโหเขาเลยนะ เราน่าจะยิ้มให้ใบหน้าเราสวย ๆ ดีกว่า…หรือ ว่าบางทีเราอาจจะสอนเขาไม่ดี..ลองสอนใหม่ ละเอียดขึ้น ทำให้เขาดูก่อน สอบถามเขาเป็นระยะๆ ให้เขาลองทำให้เราดูว่าเขาเข้าใจไหม ติดตามใกล้ชิดขึ้นอย่ารองานเสร็จแล้วค่อยถาม..เขาน่าจะเข้าใจและไม่ทำผิดอีก

7. หัวหน้าให้มาทำงานวันหยุด

ดีแล้ว เราจะได้ทำงานให้เสร็จก่อนคนอื่น ทำงานมาก บริษัทขายดีมีกำไร เราก็มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงลูก เลี้ยงพ่อแม่ของเรา …วัน หยุดคนน้อย มีสมาธิทำงานดีกว่าวันปกติ ..ไม่มีคนกวนใจ ได้แต่งตัวสวย ๆ ตามสบายไม่ต้องอยู่ในระเบียบ...หัวหน้ากำลังสอนเรา กำลังปั้นเราให้เก่ง ให้รู้หลายเรื่อง เพิ่มความสามารถ เพิ่มประสบการณ์ให้เรา ที่โรงเรียน ที่บ้านไม่มีสอนหรอกนะ ได้ฝึกตัวเองให้เป็นคนสู้งานหนักถ้าเราทำได้ ทำดีในวันนี้ เราก็อาจจะได้ดีในวันหน้า...

8. พนักงานมาเบิกของในเวลาพัก ขณะงัวเงียจะหลับ

ดี แล้วน้อง ถ้ามัวแต่รอ มัวแต่เกรงใจงานจะไม่ทัน จะเสียเวลาทำงาน บริษัทของเราจะเสียหาย งานของน้องก็เป็นงานของพี่เหมือนกัน หรือวันอื่นพี่จะไปขอความช่วยเหลือจากน้องบ้าง ..พวกเราคนกันเองด้วยกันทั้งนั้น..ไหนมาดูซิเบิกอะไร พี่ช่วยถือไป ส่งไหม...

9. หัวหน้าให้ไปเรียนงานกับคนเราไม่ชอบ

โอกาส ดีที่สุดมาถึงแล้ว ที่เราจะได้มีโอกาสเปิดใจกับเขาตรงไป ตรงมา ที่ผ่านมาเราอาจจะทำไม่ดีกับเขา หรือเราจะไม่เข้าใจกัน จะได้มีโอกาสขอโทษเขา เท่าที่ดูเขาก็เป็นคนดีนะ น่าจะมีความดี ความรู้หลาย ๆ อย่าง ที่เราน่าจะเรียนรู้จากเขา เราจะได้มีเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่ง ยิ้มและเต็มใจที่จะรับโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นกับเรา..ยิ้มและสวัสดีทักทายกับ เขาก่อนดีว่านะ..

10. บริษัทประกาศปิดกิจการ

โอ.. ก็ดีนะ อาจจะเป็นโอกาสที่เราจะได้ลองไปประกอบอาชีพอื่นดูบ้าง หรืออาจจะถึงจังหวะชีวิตที่เราจะได้เป็นเจ้าของกิจการเองแล้วหละ..ลองนั่ง ทบทวนดูว่าเราชอบทำอะไร ..อะไรที่เราทำได้ดี ..อะไรที่เราอยากทำ นั่นแหละคืออนาคตของเรา ..คิดและลงมือทำเลย ถ้าคนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ..ไหน ลองตะโกนบอกตัวเองดัง ๆ 3 ครั้งซิว่า.เราทำได้ เราทำได้และเราทำได้..สู้ ๆ ชีวิตนี้เป็นของเรา..เห็นไหม ความรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย...

เห็นตัวอย่างข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่าโลกไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป ถึงแม้บางครั้งพายุปัญหาจะถาโถมเข้ามาแรง หรือบางครั้งจะรู้สึกนอนอยู่ในกองขยะ แต่ถ้า เรามีสติ มีการปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นเชิงบวก ให้คิดในแง่ดีได้ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับคน อยู่กับสังคม อยู่กับพายุ อยู่กับกองขยะอย่างมีความสุขได้ทุกวันครับ ..


เขียนโดย สิทธิศักดิ์ ศรีธรรมวัฒนา
นักเขียนบทความการบริหารงานบุคคล


ขอขอบพระคุณ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/28059.html

19/7/53

ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก


เด็ก หนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา... เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียน อเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบ ด็อกเตอร์....

จึง กลับมาเยี่ยมบ้าน.... .


บ้าน ของเด็กหนุ่ม... อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป... ใช้ เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..

เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มี เหรอ...ลุง... ?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก. ..

มัน ห่างไกลความเจริญ...มีแต่เรือแจว....

โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง... โบราณมาก...

ที่อเมริกา....เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง ...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...

ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร... ลุง... ?

80 บาท...

OK... ไปเลยลุง.... !



ใน ขณะที่ลุงแจวเรือ... หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....

ความ ก้าวหน้า...ความศิวิไลช์...ของอเมริกา ให้ลุงฟัง...

เมือง ไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่ กันได้ยังไง... ?

! ทำไมไม่ พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน... ?
ลุง...ลุงใช้ คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์ เน็ต...เป็นไหม... ?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ ไม่เป็น...

โอโฮ้...ล ุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ....ชีวิตลุงหายไปแล้ว... 25 %....

แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้ เป็นยังไง... ?

ลุง ไม่รู้หรอก...

ลุง ไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป... 50 %

ลุง....ลุงรู้เรื่อง นโยบายการค้าโลกไหม ...ลุง.... ?

ลุง...ลุง รู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง.... ?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิต ของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ ถึงฝั่ง โน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้....ชีวิตของลุง...หาย ไปแล้ว... 75 %

พอดีช่วงนั้น... เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม...

นี่ พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบ ดอกเตอร์จากต่างประเทศ...
ลุงอยา กถามอะไรสักหน่อยได้ไหม... ?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง... ?

เอ็ง ว่ายน้ำเป็นไหม... ?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....


ชีวิต ของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ... แล้วพ่อหนุ่ม..


ขอขอบพระคุณ : FW mail

ดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง ได้ประโยชน์

ประโยชน์ของการ ดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาสุขภาพที่ดี
ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ เป็นที่นิยมดื่มน้ำทันที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า
(ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดรองทางวิทยาศาสตร์
พบว่าน้ำสามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100%
(แบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ
โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด
วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก
โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆ โรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน
โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง รอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก



วิธีการปฏิบัติ
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว ( 640 ซีซี )
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่ม
หรือรับประทานอะไร จนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาที
ไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อยๆ ดื่ม
ค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ จนได้ครบ 4 แก้ว
ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าว
จะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่ค่อยๆเบาและหายขาดได้ในที่สุด
ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้น
เพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น แลหลังดื่มน้ำไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง
จะปวดปัสสาวะ

จากสถิติข้อมูลโรคที่บำบัดรักษา ทำให้หายได้ภายในเวลา ดังนี้
1. โรคความดันโลหิตสูง 30 วัน
2. โรคกระเพาะ 10 วัน
3. โรคเบาหวาน 30 วัน
4. โรคท้องผูก 10 วัน
5. โรคมะเร็ง 180 วัน
6. โรควัณโรค 90 วัน
7. โรคไขข้ออักเสบจะเห็นผลภายใน 3 วัน

วิธีเป่าผมให้แห้ง เคล็ดลับจากญี่ปุ่น





ขอขอบพระคุณ : FW mail

9/7/53

ดื่มน้ำออกกำลังกาย ลดอ้วนได้

เมื่อออกกำลังกาย ก็มีโอกาสที่จะเสียน้ำไปกับเหงื่อและการหายใจได้ และถ้าคุณออกกำลังกายทั้งที่ยังขาดน้ำอยู่ คุณก็จะออกกำลังกายไม่ได้นาน เพลีย และมีโอกาสที่จะเกิดตะคริวได้

นั่นเป็นเพราะว่าน้ำช่วยให้การออกกำลังกาย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบต่างๆเป็นไปอย่างปกติ ช่วยระบายความร้อน ดังนั้นถ้าขาดน้ำก็จะทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานไม่ได้เต็มที่ ส่วนใหญ่มักจะดื่มน้ำ "น้อยเกินไป" ด้วยซ้ำระหว่างที่ออกกำลังกาย มีงานวิจัย ที่พบว่าส่วนใหญ่ แม้แต่ในกลุ่มนักกีฬาก็ยังดื่มน้ำน้อยเกินไป ส่วนใหญ่ดื่มน้ำเพียงแค่ 30% ของปริมาณน้ำที่เสียไปกับเหงื่อเสียด้วยซ้ำ

แล้วคุณต้องดื่มน้ำ มากเพียงใด
ประการแรก แนะนำให้คุณดื่มน้ำให้เพียงพอการที่ร่างกายต้องการตลอดทั้งวันก่อน จากสูตรของ Melton


ก่อนการออกกำลังกาย 1-2 ชั่วโมง ให้ดื่มน้ำ 450 - 600 ซีซี
ก่อนการออกกำลังกาย 15 นาที ให้ดื่มน้ำอีกอีก 240 - 300 ซีซี

และระหว่างการออกกำลังกาย ให้ดื่มน้ำ240 ซีซีทุก 15 นาที


คุณอาจต้องการการดื่มน้ำมากขึ้น ถ้าคุณสูญเสียเหงื่อมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอากาศร้อนและอยู่กลางแจ้ง


หลายๆคนอาจจะใช้เครื่องดื่มเกลือแร่ระหว่างการ ออกกำลังกาย แต่ไม่จำเป็นหรอก ยกเว้นแต่ว่าคุณจะไปวิ่งมาราธอน ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ใช้เวลานานเป็น 2-3 ชั่วโมง เพราะคุณจะเสียเกลือโซเดียมไปกับเหงื่อด้วย (ถ้าคุณออกกำลังกายไม่เกิน 1 ชั่วโมง การเสียเกลือจะไม่มาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ แต่ถ้าคุณออกกำลังกายนานขึ้น คุณจะเสียเกลือมากขึ้น เมื่อนั้นเครื่องดื่มเกลือแร่ก็อาจจำเป็นเพื่อป้องกันภาวะเกลือโซเดียมใน เลือดต่ำ)


ถ้าคุณดื่มน้ำ มากเกินไป !?
เป็นไปได้ แต่ว่ายากมากๆ (อาจต้องดื่มน้ำเป็น 10+ลิตร) ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าโซเดียมในเลือดต่ำ ซึ่งเกิดจากการที่น้ำที่เป็นตัวทำละลายในกระแสเลือดมากเมื่อเทียบกับเกลือ ที่มีปริมาณน้อยในร่างกาย ก็จะทำให้คุณมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลียได้ ดังนั้นถ้าคุณพกแค่กระติกน้ำ ดื่มระหว่างออกกำลังกาย ก็เพียงพอแล้ว


ขอขอบพระคุณ : Never-Age.com

5/7/53

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๒(ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ(นิพพาน) พบองค์อมิตตา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่๓๒(ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ(นิพพาน) พบองค์อมิตตา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ)
พระ โพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ (นิพพาน) พบองค์อมิตตาพุทธเจ้า


"...ทาง ที่ถูกต้องสำหรับเทวะในชั้นฟ้านี้ คือ ปีนป่ายสู่ภูมิที่เหนือขึ้นไป แม้หนทางจะอันตรายยิ่งนัก ทั้งต้องฝ่าฟันป่าแห่งความหลง บึงแห่งความโลภ ผาสูงแห่งความโกรธพยาบาท จนกว่าจะถึงแดนนิรวาณ ซึ่งเป็นที่สถิตแห่งพระโพธิสัตว์อันรอการจุติยังพิภพโลกเพื่อตรัสรู้เป็นพระ พุทธองค์ ฉายแสงความรักความเมตตาบริสุทธิ์ไปทั่วพิภพจักรวาล" ทวยเทพบนสวรรค์ได้ฟังเทศนาธรรมของพระกวนอิมแล้วต่างรู้สึกเหมือนมีกระจกส่อง ปัญญาแผ่ซ่านไปทั่ว เปล่งแสงเรือง ๆ ไร้จริตราคะครอบงำดังแต่ก่อน กลายเป็นดวงดาวพวยพุ่งสู่ภพภูมิที่สูงขึ้นไปทุกองค์



คณะ เดินทางมาปรากฎร่างในอีกดินแดนหนึ่งซึ่งสาดแสงสว่างจ้าจนแทบลืมตาไม่ขึ้น ทั้งหมดต่างรับรู้ทางจิตว่าภพแห่งนี้คือ พรหมโลก มีองค์ท้าวมหาพรหมและพรหมเทพรายล้อม ทุกองค์มีแสงเรืองอยู่ในตัว มีความงามอันหาเปรียบไม่ได้ในเมืองมนุษย์ ทัศนียภาพโดยรอบงดงามอย่างน่าพิศวง พระเจ้าเมี่ยวจวงรำพึงว่า "เราสำนึกผิดในความโหดร้ายทารุณอันอาบด้วยโลหิตของผู้บริสุทธิ์ที่เราเคยก่อ กรรมเอาไว้แล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งละอายใจนัก ทำอย่างไรจึงจะได้เข้าสู่เขตแดนอันรุ่งเรืองและบริสุทธิ์นี้หรือ"



พระ กวนอิมกล่าวว่า "เมื่อได้เสวยผลบุญในดินแดนสวรรค์ที่ผ่านมา และรู้แจ้งในความหลงอันลวงตา ประกอบกิจโดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จะได้บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์ นำสรรพสัตว์ผู้รับทุกข์ไปสู่แดนแห่งนิรวาณ มั่นคงในความเที่ยงธรรมดุจเขาพระสุเมรุ มีบุญอันประกอบด้วยเมตตากรุณา ปราศจากอริใด ๆ พวกท่านก็จักได้เข้าสู่อาณาจักรสูงสุดแห่งจักรวาลเช่นนี้" ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้เห็นแสงสว่างแพรวพราวนำทุกคนลอยลิ่วขึ้นสู่หอมณีเพชรัตน์สูงขึ้น ไปหลายอึดใจเผยให้เห็นหมู่เมฆ ดอกไม้สวรรค์แผ่ไพศาลสุดสายตา เบื้องหน้าปรากฏแสงสว่างเรืองรองพร้อมพระวรกายขององค์อมิตตาพุทธเจ้าประทับ บนแท่นปัทมอาสน์ สูงจนเหลือคณานับ พร้อมพระโพธิสัตว์บริวารรายล้อมลดหลั่นลงไปตามผลบุญ


พระ อมิตตาทรงเปล่งสุรเสียงแสดงธรรมกะหึ่มฟ้าว่า "เราจักแสดงธรรมเพื่อนำทางให้สรรพสัตว์ชนะมูลเหตุแห่งความพินาศทั้งปวง การกระทำแลดิ้นรนในกรรมต่าง ๆ ฉันใด เป็นเหตุย่อมเกิดผลตามมาในสัตว์ทุกผู้ทุกนาม ทว่าพระธรรมนี้เปรียบเสมือนมณีรัตน์ซึ่งฝังอยู่กลางโลก ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยตาเนื้อจนกว่าจะเพียรแสวงหา และนำตนไปสู่โพธิญาณ หลุดพ้นจากสังสารวัฏ สู่แดนนิรวาณบรมสุข อันหาที่สุดมิได้"

ครั้น แล้วคนเหล่านั้นก็บังเกิดความรู้แจ้งพ้นจากกิเลสและความหลง ตั้งจิตเป็นสมาธิเผาราคีที่ติดตัวมาจากโลกมนุษย์จนหมดสิ้น ปรากฏรูปใหม่เป็นกายอันเรืองรองบรรลุแล้วซึ่งความสุข


พระ พุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ละมุนละไมตรัสว่า "นับจากนี้ให้เมี่ยวซ่านผู้ประกอบด้วยมหาการุณย์ ดับทุกข์แก่ชาวโลก ให้มีฉายาว่า พระอวโลกิเตศวร หมายถึง ผู้ได้ยินเสียงร้องปริเวทนา แห่งสัตว์โลก เป็นเทวีศักดิ์สิทธิ์แห่งเกาะทะเลใต้ เมี่ยวอิมและเมี่ยวเวี๋ยนพระพี่นางของเจ้าได้ชำระด้วยไฟแห่งสมาธิเข้าสู่ทาง อันสมบูรณ์ให้มีฉายาว่า พระโพธิสัตว์ผู้บริสุทธิ์งามพร้อม และ พระ โพธิสัตว์ผู้รุ่งเรืองปราศจากมลทิน ส่วนจักรพรรดิเมี่ยวจวงได้สละความหยิ่งทะนงฝ่าฟันอันตรายด้วยตบะ อดทน และสำนึกบาปที่ทำไว้ขอให้เป็น โพธิสัตว์ผู้ทรงชนะแล้ว ทำหน้าที่สำรวจหมู่ชนตามลักษณะความหาญกล้าของท่าน และพระนางเป้าเต๋อมารดาของพระกวนอิม จงได้รับแต่งตั้งเป็น พระโพธิสัตว์ ทรงความดี ทำหน้าที่สำรวจสตรีที่ลือชื่อด้วยเกียรติแห่งความภักดีเช่นเดียวกับตัวท่าน เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์"


ทั้งหมด ได้เสวยสุขในแดนนิรวาณนานชั่วกัลป์ ยกเว้นพระโพธิสัตว์กวนอิมผู้ทรงการุณย์ เพราะทรงไม่ยอมเข้าสู่แดนนิรวาณเช่นคนอื่น ยังคงประทับอยู่ ณ เกาะศักดิ์สิทธิ์ คอยสดับเสียงร่ำร้องของสัตว์โลกแม้อยู่แสนไกล เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้รอดพ้นจากความทุกข์ทน ปรากฏพระเมตตาธิคุณแผ่ไพศาล โปรยปรายความสุขสบายแก่สกลจักรวาลด้วยความรักและเมตตา ประหนึ่งทรงโปรยสายน้ำค้างจากกิ่งหลิวในแจกันทิพย์สู่ผืนดินที่แห้งผาก ให้จิตใจอันหยาบช้าด้วยไฟราคะของมนุษย์ชุ่มชื้นขึ้นด้วยแสงแห่งธรรม เรืองรองสู่หนทางอันประเสริฐตราบนิรันดร์

จบตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ)
โปรด ติดตามต่อ ภาคหลัง อภินิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม เรื่อง "กวนอิมตะกร้าปลา"


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๑
สู่ดิน แดนศักดิ์สิทธิ์พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ


ใน ที่สุดทุกคนก็ถึงที่หมายในเวลาเที่ยงตรงของวันหนึ่ง ซ่านไฉ่นำทุกคนเดินเท้าผ่านทิวทัศน์อันสวยงาม แปลกตา ปลอดโปร่ง และสุขสบายอย่างหาสัมผัสได้ยากบนแดนที่ตนจากมา จนกระทั่งเข้าสู่ป่าไผ่สีม่วง ก็พบปราสาทกลางบึงบัวอันวิจิตรงดงาม ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างลืมเหน็ดเหนื่อย เพราะมีความปรารถนาจะพบพระผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็มหัวใจ



ครั้น แล้วทุกคนก็ได้พบกับพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับอยู่กลางบัลลังก์บัวอย่างสง่า งาม แต่พระองค์กลับไม่มีพระเนตรและพระกรเหลืออยู่เลย ทุกคนได้แต่มองอย่างตกตะลึงและซาบซึ้งในความเสียสละของพระองค์ พระเจ้าเมี่ยวจวงและพระธิดาทั้งสองเพียงแรกเห็นก็จดจำได้ว่านี่คือพระธิดา เมี่ยวซ่านอย่างแน่นอน เพราะแผลเป็นจาง ๆ กลางหน้าผากบ่งบอกได้เด่นชัด พระเจ้าเมี่ยวจวงและสองพระธิดาคร่ำครวญถึงการสูญเสียอย่างไม่อาจหวนคืน พระธิดาสามต้องเป็นผู้พิการไร้มือและดวงตามืดบอดตลอดกาลเป็นเพราะช่วยบิดา แท้ ๆ

แต่ พระโพธิสัตว์กวนอิมตรัสว่า "ข้าแต่พระบิดาและพระพี่นางที่รัก การสละอินทรีย์เพื่อช่วยผู้ทนทุกข์นับเป็นความยินดียิ่งแห่งเราอย่าได้ เสียใจไปเลย" พระเจ้าเมี่ยวจวงยังคงเสียพระทัยที่พระธิดารักต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงว่า "หากพระบิดาโศกเศร้าอยู่ในห้วงทุกข์ เพราะเราไร้ดวงตาและแขนซ้ายขวา เราก็ขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอให้ร่างกายเรากลับบริบูรณ์ดังเดิมเทอญ" สิ้นคำตรัส แขนซ้ายขวาสีทองนับพันได้ปรากฏขึ้นบนร่างของพระองค์พร้อมดวงตางามกว่านาง อัปสรบนชั้นฟ้า ทุกคนในที่นั้นต่างปีติยินดียิ่งร่ำไห้สวมกอดกันอย่างไม่คิดจะเลิกรา

พระโพธิ สัตว์กวนอิมชี้ทางสว่างด้วยการเทศนาธรรมแก่ทุกคน ทรงแสดงภาพนิมิตถึงภพภูมิแห่ง เปรตอเวจี ให้เห็นว่าผู้ก่อกรรมทำบาป ทุจริตของสาธารณะมาเป็นประโยชน์ส่วนตน จิตใจคับแคบ ห่วงกังวลในสมบัติที่ได้มาโดยมิชอบ ก็จะกลายเป็นเปรต หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นไปได้คือ ได้รับแสงแห่งพระโพธิสัตว์บรรเทาความทุกข์ให้มลายหายไป ทรงเทศนาพระอริยสัจสี่ประการอันเป็นวิถีแห่งบุญ ฝูงเปรตที่ฟังแล้วเกิดปัญญาก็ได้เกิดใหม่ในภพที่รุ่งเรืองกว่าในเทวโลก เปรตตนใดที่ยังหลงมัวเมาก็คงอยู่ต่อไปในเปรตภูมิ



ภาพนี้ คือภาพเจ้าแม่กวนอิมให้อาหารเปรต มีเรื่องเล่าว่า ท่านลงไปเปรตภูมิ เห็นเปรตหิวโหย ท่านโปรยอาหารทิพย์ลงไปให้เปรตทาน แต่เปรตเหล่านั้นเอาเข้าปาก ก็มีไฟพุ่งออกจากปาก ทานอาหารไม่ได้


ต่อมาพระองค์ได้พาทุกคนไปยัง นรกภูมิ เห็นภาพแม่น้ำเดือดพล่าน ต้นไม้ลุกเป็นไฟ มีใบเป็นดาบคมกริบ มีแขนขาลอยฟ่องอยู่ในแม่น้ำ น่าสยดสยอง พระเจ้าเมี่ยวจวงถามว่า "คนบาปชนิดใดจึงตกอยู่ในภพนี้" พระกวนอิมตอบว่า "มนุษย์ผู้กระทำชั่วมหันต์ จำพวกฆ่าชีวิต ข่มขี่คนจน ลักลอบเป็นชู้ หยาบกระด้างด้วยโทสะ โมหะ เผาผลาญจนที่แห่งนี้ลุกเป็นไฟตลอดกาล ต่ำลงไปเป็นขุมนรกแห่งผู้ก่อศึกสงคราม จะต้องรบราฆ่าฟันกันเองนานชั่วกัลป์ ส่วนผู้กระทำความโลภ เลือดเย็นอำมหิต วางยาพิษ คนพวกนี้ต้องอยู่ในความมืดมีน้ำแข็งห่อหุ้มทรมาน และพวกวางอุบายใช้ธรรมะเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ใส่ตน จะไปเกิดแต่ลำพังคนเดียวในโลกมืดบอดไร้ทางออก"


พระ เจ้าเมี่ยวจวงถามถึงหนทางหลุดพ้นของสัตว์นรกเหล่านี้ พระกวนอิมจึงว่า "ภาพเหล่านี้สร้างขึ้นจากมโนญาณ เมื่อจะออกไปได้ต้องละจากบาป ไฟทรมานจึงจะดับลง และกรรมดีจะพาไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่านี้" ทุกคนต่างอยากเห็นภพที่ดีดังกล่าวจึงขอให้พระโพธิสัตว์กวนอิมทรงพาไป ครั้นแล้วปราสาททิพยวิมานอันวิจิตรตระการตาก็ปรากฏต่อสายตาของทุกคน เทียบกันแล้วพระราชวังของพระเจ้าเมี่ยวจวงกลายเป็นเพียงกระท่อมหญ้าทันที ส่วนความงามของสองพระธิดาก็ต้องมัวหมองลงเมื่อเปรียบกับความงามของนางอัปสร บนแดนนี้ และ ณ ที่แห่งนี้เองทุกคนก็ได้พบกับพระนางเป้าเต๋อ พระมเหสีและพระมารดาผู้เป็นที่รักของทุกคน พระนางเป้าเต๋อจึงติดตามคณะท่องแดนสวรรค์ เสด็จเคียงข้างพระเจ้าเมี่ยวจวง สร้างความยินดีให้กับทุกคน



พระ กวนอิมตรัสว่า "หากต้องการขึ้นมาอยู่ในเทวภูมินี้ ต้องบำเพ็ญบารมีด้วยการกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา เคารพผู้แก่ชรา สุภาพอ่อนหวานทั้งกาย วาจา ใจ ปราศจากความเห็นแก่ตัว หมั่นบริจาคทาน กล่าวแต่คำสัตย์ และอดกลั้นความโกรธ" คณะท่องดินแดนนรกและสวรรค์เห็นตรงกันว่า ต้องการเสวยสุขในดินแดนแห่งนี้ พระโพธิสัตว์กวนอิมแย้มสรวลอ่อนละมุนแล้วตรัสว่า "แท้จริงแล้ว ชาวสวรรค์เหล่านี้รับความบันเทิงในผลบุญจากปางก่อน แต่ยังมัวเมาหลงงมงามในความสนุกแห่งรูปไม่นานจิตก็จะเสื่อมด้วยอำนาจแห่ง ความหลง สวรรค์ก็จะมลายหายไป เทวดาเหล่านี้ก็จะตกสู่บาปภพเพื่อชดใช้กรรม ไม่ต่างจากคนบาปเมื่อครู่..."

จบตอนที่ ๓๑
ติดตามต่อตอนที่ ๓๒ (ตอนจบ) พระโพธิสัตว์กวนอิมพาท่องพรหมโลก และแดนนิรวาณ (นิพพาน) พบองค์อมิตตาพุทธเจ้า


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๐ ผลกรรมแสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๓๐ ผลกรรมแสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๓๐
ผลกรรม แสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา



เมื่อ แรกในระหว่างการเดินทาง ซึ่งมีแต่น้ำกับฟ้าเป็นทิวทัศน์อันไร้จุดสิ้นสุด ทำให้ทุกคนรู้สึกเบื่อหน่าย ซ่านไฉ่จึงเทศนาธรรมให้คณะเดินทางหลุดพ้นจากเครื่องพันธนาการทางโลก ปราศจากคำสรรเสริญเยินยอ ละจากโลภ โกรธ หลง ทั้งปวง ทุกคนจึงตั้งมั่นในพุทธธรรม ปฏิบัติวิปัสสนาอยู่เป็นนิจ



เมื่อ ไกลห่างจากอาณาจักรซิงหลิง อกุศลกรรมที่พระเจ้าเมี่ยวจวงเคยก่อก็ส่งผลทันตาเห็น เมื่อท้องฟ้าอันสงบกลับดำมืดก่อกลุ่มเป็นพายุขึ้นที่ขอบฟ้า พัดพุ่งเข้าหาเรือสำเภาของคณะเดินทาง ท้องทะเลปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดลมก็พัดเรือมาติดยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง

ชาววังซึ่งเคยออกทะเล เป็นครั้งแรก หวาดกลัวเป็นอย่างมากพากันลงจากเรือมาหลบภัยจากทะเลยังเกาะร้าง แต่ทว่าความวิปริตแปรปรวนของเกาะนี้ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ไม่แพ้กัน



เมื่อ เกาะนี้เป็นจุดบรรจบของความร้อนจัดและหนาวยะเยือกมาประสานกัน กลางเกาะมีภูเขาไฟที่ปกคลุมด้วยหิมะแต่ภายในมีความร้อนระอุพร้อมระเบิดอยู่ ทุกเมื่อ ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดอาศัยอยู่เลย ภิกษุซ่านไฉ่เดินนำด้วยกิริยาอันสงบ พาทุกคนเข้าพักในถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นภูเขาไฟกลางเกาะก็ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น กองหินมหึมาถล่มลงมาปิดปากถ้ำพอดี ทุกคนกลัวจนตัวสั่น ภิกษุซ่านไฉ่ปลอบใจและเดินนำหาทางออก



ใน ถ้ำมีแสงสว่างเพียงอย่างเดียวคือคบเพลิงในมือต้นหนเรือ ตามมาด้วยภิกษุซ่านไฉ่ พระเจ้าเมี่ยวจวง พระธิดา และผู้จงรักภักดี ลึกเข้าไปในถ้ำความร้อนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น รอบด้านเต็มไปด้วยบ่อหินหลอมเหลวร้อนระอุ บางบ่อมีควันพิษพุ่งขึ้นมา ทุกคนเริ่มหายใจติดขัด ต่างคิดว่านี้เป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้ พระเจ้าเมี่ยวจวงรำพึงถึงความสุขสบายสมัยอยู่ในราชวังจนเกือบเปลี่ยนใจไม่ เชื่อถือในพุทธธรรม เพราะขณะนี้ทรมานไม่ต่างจากขุมนรก ซ่านไฉ่จึงกล่าวว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลกรรมที่พระองค์เคยกระทำมายามเสวยสุขบนความทุกข์ของ ราษฎร พระองค์จงตั้งมั่นถึงพระพุทธคุณด้วยจิตอันภักดีเถิด ความทุกข์จะกลายเป็นสวรรค์ แม้ปีศาจแวดล้อมอยู่ก็มิอาจทำอะไรพระองค์ได้"



พระ เจ้าเมี่ยวจวงได้รับการชี้แนะก็ทรงรู้สึกเหมือนมองเห็นทางสว่าง ตั้งจิตมั่นถึงพระพุทธองค์ว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยใจเคารพ โปรดช่วยคุ้มครองให้ความทุกข์ดั่งอยู่ในอเวจีของข้าพเจ้าทั้งหลายจงหายไป เพื่อจะได้เดินทางไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จด้วยเทอญ" สิ้นรับสั่ง ผนังถ้ำด้านหนึ่งก็แยกออกเผยให้เห็นเทพนักรบกวัดแกว่งง้าวเหล็กผ่าผนังถ้ำ ออกอย่างง่ายดาย ทำให้เหล่านักเดินทางหลุดออกมาจากถ้ำมรณะแห่งนั้นได้ แต่ทว่ามีมังกรตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากปากถ้ำโดยพร้อมกัน มังกรยักษ์นั้นลอยอยู่ในอากาศอ้าปากคำรามก้อง เมื่อเห็นว่าเหยื่อของตนหลุดออกไปเพราะฝีมือแห่งเทพ



มังกร ยักษ์ทะยานเข้าต่อสู้กับเทพถือง้าว แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของมังกรก็ถูกฟันขาดเป็นแนวยาว ตกลงพื้นเสียงดังสนั่น เกิดเพลิงลุกไหม้ทั่วร่างเป็นต้นกำเนิดฝูงปีศาจจำนวนมหาศาลผุดขึ้นมาอย่าง ไม่หยุดยั้ง ปีศาจน่าขยะแขยงกระโดดมารายล้อมกลุ่มมนุษย์อย่างกระหายเลือด ทุกคนต่างหวาดกลัวยิ่งนัก ยกเว้นภิกษุซ่านไฉ่ที่ยังคงสงบนิ่งพนมมือ ภาวนาอย่างมีสมาธิทุกคนจึงทำตาม ต่างระลึกถึงพระพุทธคุณ วิงวอนให้ตนรอดพ้นจากภยันตราย ทันใดนั้น บนท้องฟ้าได้ปรากฏกองทัพเทพทรงเครื่องรบพร้อมอาวุธ เปล่งแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด ปีศาจทั้งหลายเหาะขึ้นไปต่อสู้เกิดเป็นสงครามกลางท้องฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว



ใน ที่สุดเหล่าปีศาจก็สิ้นชีพด้วยฤทธิ์แห่งทวยเทพ ท้องฟ้าและท้องทะเลอันวิปริตแปรปรวนได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง ซ่านไฉ่และคณะเดินทางกราบคารวะผองเทพผู้ปราบมารอย่างนบน้อม เหล่าเทวะก็เหาะคืนสู่ชั้นฟ้าดังเดิม คงเหลือแต่เทพผู้ถือง้าวได้เนรมิตเรือแก้วเจ็ดประการอันแข็งแกร่งให้แก่คณะ เดินทาง สร้างความยินดีให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก เมื่อขึ้นเรือหมดทุกคนแล้ว เทพถือง้าวกล่าวขึ้นว่า "นาวาลำนี้สร้างขึ้นเพื่อให้สัตว์โลกอาศัยข้ามความเกิดและความตาย ทุกคนจงมีจิตศรัทธาละทิ้งความกลัวเสีย นาวานี้จะนำพวกเจ้าออกจากเกาะแห่งทุกข์ระทมที่พลัดหลงเข้ามาเพราะบ่วงกรรม พระเมตตาแห่งพระโพธิสัตว์จะเป็นเครื่องป้องกันอันตรายมิให้อับปางด้วยพายุ เด็ดขาด จงไปเถิด"


เรือ แก้วเจ็ดประการ


นาวานั้นนำทางทุกคนมาสู่ท้องทะเลอันสงบ เมฆขาวลอยฟ่องดังปุยนุ่นบนท้องฟ้า แสงอาทิตย์มิได้แผดกล้าร้อนแรง แต่กลับเป็นแสงทองอันอบอุ่นส่องนำทาง ฝูงนกโบยบินอย่างมีชีวิตชีวา กลิ่นหอมของมวลบุปผาจากแดนไกลลอยมาอย่างประหลาด เป็นสัญญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว

จบตอนที่ ๓๐
ติดตาม ต่อตอนที่ ๓๑ สู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พบพระโพธิสัตว์กวนอิม พาท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๙ การรักษาพระเจ้าเมี่ยวจวง และการสละราชสมบัติ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๙ การรักษาพระเจ้าเมี่ยวจวง และการสละราชสมบัติ

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๙
การ รักษาพระเจ้าเมี่ยวจวง และการสละราชสมบัติ



ซ่าน ไฉ่ผสมตัวยาเข้าด้วยกัน กลั่นเป็นน้ำมันสำหรับทาพระวรกาย หลังจากนั้นพระเจ้าเมี่ยงจวงก็ทรงหายวันหายคืน พยุงตัวขึ้นนั่งและเริ่มเดินได้คล่อง แต่บาดแผลนั้นหายเฉพาะร่างกายซีกซ้ายเท่านั้น เมื่อถามซ่านไฉ่ด้วยความสงสัย จึงได้คำตอบว่า "ข้าพระองค์ผสมตัวยาเฉพาะตาซ้ายและแขนซ้ายเท่านั้น พระวรกายของพระองค์จึงหายแค่ซีกเดียว เมื่อหม่อมฉันทำน้ำมันจากมือและตาขวา ร่างกายซีกขวาของพระองค์จึงจะหายได้ดี เป็นเพราะบารมีของพระโพธิสัตว์ที่ยอมสละอวัยวะให้สัมพันธ์กับวรกายของ พระองค์โดยแท้"



ซ่าน ไฉ่นำน้ำมันอีกขวดมอบให้หมอหลวงทาพระวรกายซีกขวา ก็ปรากฏว่าบาดแผลค่อย ๆ จางหายไปเป็นปลิดทิ้ง พระเจ้าเมี่ยวจวงยินดีเป็นที่สุด มีรับสั่งให้เรียกประชุมขุนนางทันที พระเจ้าเมี่ยวจวงเล่าความดีความชอบของภิกษุซ่านไฉ่ให้เหล่าเสนาฟัง ต่างสรรเสริญพระซ่านไฉ่ทั้งสิ้น แต่ซ่านไฉ่กล่าวว่า "ความสำเร็จครั้งนี้เป็นเพราะพระผู้เมตตาทางเกาะทะเลใต้ อาตมามิอาจรับคำยกย่องใด ๆ ได้" พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงว่า "เอาเถอะ ๆ อย่างไรเสียท่านก็เป็นผู้รักษาเราจนหาย เราจะแต่งตั้งท่านเป็นรัชทายาทแห่งอาณาจักรซิงหลิง" ซ่านไฉ่ทำความเคารพอยางสงบนิ่งแล้วกล่าวว่า "อาตมาไม่อาจรับข้อเสนอนี้ได้ ธรรมดาวิสัยของกระเรียนป่าย่อมไม่บินต่ำเหมือนเต่าว่ายในปลักโคลน เช่นเดียวกับผู้เป็นสาวกแห่งพุทธศาสนาย่อมต้องการความสุขสงบตลอดกาลมากกว่า สิ่งอื่นใด"



ซ่าน ไฉ่กล่าวว่า "สิ่งที่อาตมาต้องการมีเพียงขอให้พระองค์ทรงปกครองไพร่ฟ้าราษฎรอย่างเที่ยง ธรรม มีเมตตากรุณาและรักษาคุณธรรมเหล่านี้ไว้ตลอดไป" พระเจ้าเมี่ยวจวงแปลกพระทัยมาก ตรัสว่า "เราอยากรู้เหลือเกินว่าเกาะทางทะเลใต้ที่ท่านจากมานั้นเป็นที่สถิตของบุคคล เช่นไร ท่านจึงได้ยึดมั่นในความเมตตาและเสียสละถึงเพียงนี้ หากเรามีประสงค์จะเดินทางไปที่นั่นเพื่อส่งท่านให้ถึงที่หมาย และนมัสการผู้มอบดวงตาและแขนซ้ายขวาให้แก่เรา ท่านจะขัดศรัทธาหรือไม่" ภิกษุซ่านไฉ่คารวะดั่งน้อมรับบัญชา พระองค์จึงกล่าวต่อว่า "ท่านทั้งหลาย เราขอขอบใจที่พวกท่านทำงานให้แก่อาณาจักรด้วยความจงรักภักดี เราขอสละราชสมบัติลาไปยังเกาะลึกลับทางทะเลใต้ เพื่อชัยชนะที่แท้จริงแห่งชีวิต"



เหล่า ขุนนางก้มศีรษะรับบัญชาอย่างเศร้าโศก ผู้ที่จงรักภักดีหลายคนขอตามเสด็จไปด้วยพระองค์ก็ไม่ขัดข้อง หลังจากวันนั้น พระองค์มักจะสนทนาธรรมกับภิกษุซ่านไฉ่ เปลี่ยนพระทัยที่ลุ่มหลงในการสงความเป็นความรักความเมตตา ทรงคืนอิสรภาพให้แก่ทาสเชลยศึก ทรงนำทรัพย์สมบัติมาบริจาคให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก จนคนทั้งเมืองกล่าวขานกันว่า เสือร้ายกลายเป็นหงส์ เพราะไม่คิดว่าจักรพรรดิผู้สังหารชีวิตนับไม่ถ้วนในสงคราม สั่งประหารแม้แต่คนในครอบครัวของตนเอง จะหันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ช่วยเหลือราษฎรให้อยู่ดีกินดีเช่นนี้



วัน หนึ่งพระเจ้าเมี่ยวจวงก็ประกาสสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ มอบให้คณะอำมาตย์คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมต่อไป ส่วนพระองค์ได้พาสองพระธิดาผู้พ้นโทษและขุนนางผู้ภักดีอีกจำนวนหนึ่งติดตาม ภิกษุซ่านไฉ่ออกเรือสู่เกาะศักดิ์สิทธิ์

จบตอนที่ ๒๙
ติดตามต่อ ตอนที่ ๓๐ ผลกรรมแสดงฤทธิ์ และปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๘ แผนชั่วของสองราชบุตรเขย

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๘ แผนชั่วของสองราชบุตรเขย

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๘
แผน ชั่วของสองราชบุตรเขย



แผน การของสองราชบุตรเขยมีอยู่ว่า จะให้โฮ่หลีคนสนิทของเจาไคว นำยาผสมพิษร้ายขึ้นถวายโดยบอกว่าเป็นยาที่ภิกษุซ่านไฉ่ผสมให้มาเสวย ระหว่างนี้คนสนิทของโฮเฟงชื่อซูต้า จะลอบเข้าไปฆ่าซ่านไฉ่ หากแผ่นนี้ลุล่วงด้วยดี โฮเฟงและเจาไควจะได้เป็นจักรพรรดิ์และผู้กุมอำนาจทางการทหาร แล้วโฮหลีและซูต้าจะได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นการตอบแทน คนชั่วทั้งสี่ปฏิญาณตนร่วมกันต่อหน้าเทพแห่งสงครามในเทวสถานแห่งนั้นเอง โดยทั้งสี่หารู้ไม่ว่าอุบายของพวกตนจะถูกเทพอารักษ์ล่วงรู้จนหมดสิ้น



ครั้น ตกค่ำโฮ่หลีนำถ้วยยามาถวายพระเจ้าเมี่ยวจวง โดยบอกว่าภิกษุซ่านไฉ่ให้นำมาถวาย เทพอารักษ์หน้าตาดุร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น คว้าถ้วยยานั้นขว้างแตกกระจาย ยาพิษกัดกร่อนพื้นจนควันขึ้น เทพอารักษ์บอกหตุร้ายแก่พระเจ้าเมี่ยวจวงแล้วหายตัวไป พระองค์รับสั่งให้ทหารจับกุมตัวโฮ่หลีไว้



ขณะ เดียวกันซูต้าซึ่งแอบเข้าไปในห้องพักของซ่านไฉ่ เห็นเงาตะคุ่มนั่งอยู่บนเตียงก็คิดว่าเป็นซ่านไฉ่ จึงจ้วงแทงไม่ยั้ง แต่ปรากฏว่าเงานั้นเป็นเพียงผ้ากาสาวพัสตร์ และผ้านั้นได้พุ่งเข้ามัดตัวซูต้าไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ซูต้าร้องลั่นด้วยความกลัวตาย "ว๊าก ! พระผี กลัวแล้ว ! ใครก็ได้ช่วยด้วย" ทหารยามพุ่งเข้ามาจับตัวซูต้าพร้อมอาวุธได้ทันท่วงที



เช้า วันรุ่งขึ้น โฮเฟงและเจาไควได้ถูกจับกุมตัวถึงตำหนักแต่เช้าตรู่ ทั้งสองถูกมัดมือไขว้หลังลากมาคุกเข่าหน้าพระพักตร์ ภายในห้องบรรทมมีเหล่าขุนนางเข้าเฝ้ารายล้อมอยู่ พระเจ้าเมี่ยวจวงตรัสขึ้นว่า "ท่านทั้งหลายคงคิดว่าในบรรดาจักรพรรดิทั้งหลาย เราคือผู้โชคร้ายที่สุดใช่ไหม ทั้งเรื่องเทพเจ้าชังเราจึงประทานโรคร้ายมาให้ ห้องบรรทมของเราก็มีผู้นำยามรณะมาให้ดื่ม แม้แต่ภิกษุผู้นำวิธีรักษามาบอกเราก็ถูกปองร้ายไปด้วย" เจาไควรีบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว พวกหม่อมฉันเป็นถึงราชบุตรเขยมีทรัพย์สมบัติมากมายแล้วเหตุใดจึงต้องปองร้าย พระองค์ด้วย นี่ต้องเป็นความคิดต่ำทรามของภิกษุบ้านั่นแน่ ๆ"



ขาด คำทหารก็นำตัวซูต้าและโฮ่หลีเข้ามาพร้อมเสียงวิงวอนว่า "ทรงพระกรุณาด้วย ไว้ชีวิตพวกหม่อมฉันเถิด หม่อมฉันจะสารภาพทุกเรื่อง" โฮเฟงและเจาไควเห็นพยานทั้งสองปากโป้งก็หน้าซีดเหงื่อแตก เพราะเห็นลางมรณะมาใกล้แค่เอื้อม พระเจ้าเมี่ยวจวงตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงดูไว้ ข้ายกพวกมันไว้ในตำแหน่งสูงสุด แต่พวกมันกลับคิดคดทรยศข้าได้ ทหาร ! จับไอ้ผู้บงการใหญ่ไปประหารชีวิตเสียทั้งคู่ ส่วนลูกน้องมันให้จองจำไว้ในคุกมืด ลูกสาวของข้าเอาแต่รักสนุกไปวัน ๆ ไม่รู้ว่าเห็นชอบกับแผนชั่วของสามีหรือเปล่า สั่งการลงไปให้ถอดยศจากเจ้าหญิงเป็นสามัญชน แล้วขังไว้ในตึกเย็นไม่ต้องให้เสพสุขเช่นเดิมอีก"



รับ สั่งจบก็ทรุดองค์ลงกุมพระอุระอย่างรวดร้าว ได้แต่ทรงรำพึงว่า "เมี่ยวซ่านลูกรัก ไม่มีใครทุกข์ใจยิ่งกว่าพ่ออีกแล้วในตอนนี้ กรรมสนองให้พ่อทนทุกข์ดั่งอยู่ในกองไฟ เป็นเพราะสงครามนองเลือดที่พ่อก่อไว้ใช่หรือไม่ อีกไม่นานพ่อคงได้รับทุกข์ในนรกจริง ๆ" ทุกคนในที่นั้นมององค์จักรพรรดิด้วยแววตาโศกสลดอย่างที่สุด

ขณะนั้น เองเจาเจนและหลีฉินได้เดินทางกลับมาจากเกาะศักดิ์สิทธิ์พอดี สิ่งที่ทั้งสองนำมาด้วยนั้นคือ ดวงตามนุษย์และมืออีกคู่หนึ่ง ทำให้พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงมีความหวังว่าจะหายจากโรคร้าย รีบรับสั่งให้ซ่านไฉ่ปรุงยารักษาพระองค์ทันที

จบตอนที่ ๒๘
ติดตาม ต่อตอนที่ ๒๙ การรักษาพระเจ้าเมี่ยวจวง และการสละราชสมบัติ


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๗ พระเจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๗ พระเจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๗
พระ เจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย



จน กระทั่งวันหนึ่ง พระกวนอิมทรงทอดพระเนตรไปยังอาณาจักรซิงหลิง ก็พบว่าบัดนี้พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทุกข์ทรมานจากโรงมะเร็งร้าย ทั่วพระวรกายเต็มไปด้วยแผลพุพอง น่ากลัว ทั้งนี้เป็นเพราะผลแห่งกรรมที่ทรงทำไว้ พระกวนอิมทรงทราบดีว่าหากพระบิดาสิ้นพระชนม์ไปในยามนี้ ย่อมต้องตกนรกภูมิสู่ขุมสุดท้าย หนทางเดียวที่จะช่วยเหลือได้คือ ใช้แขนและดวงตาแห่งพระโพธิสัตว์ทำเป็นยารักษา ดำริแล้วก็ทรงมอบหมายให้ภิกษุซ่านไฉ่ไปยังอาณาจักรซิงหลิงและบอกวิธีรักษา แก่พระเจ้าเมี่ยงจวง เมื่อหายแล้วจงเกลี้ยกล่อมให้สละราชสมบัติ เดินทางมาที่เกาะโปตละโลกาแห่งนี้



ภิกษุ ซ่านไฉ่หายตัวมาปรากฏกายขึ้นที่อาณาจักรซิงหลิง ซึ่งขณะนั้นกำลังมีทหารประกาศป่าวร้องว่า "ขณะนี้พระมหาจักรพรรดิทรงประชวรจากโรคประหลาด ถ้าใครสามารถรักษาพระองค์จนหายจะได้รับพระราชบัลลังก์เป็นการตอบแทน" ซ่านไฉ่เห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงออกมาหน้าฝูงชน รับอาสารักษาอาการของพระเจ้าเมี่ยงจวง เมื่อภิกษุซ่านไฉ่มาถึงห้องบรรทมก็พบว่ามีหมอหลวงหลายคนยืนล้อมรอบเตียงอยู่ พระธิดาสองพระองค์ยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ อย่างเกรงโรคร้าย ที่มุมห้องโฮเฟงและเจาไควราชบุตรเขยยืนกระซิบกระซาบส่งสายตาดูถูกมายังภิกษุ ซ่านไฉ่ พระเจ้าเมี่ยงจวงนั้นนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพระที่ ทรงมีแผลหนองทั่วพระวรกาย



ครั้น ทอดพระเนตรเห็นภิกษุแปลกหน้าจึงตรัสด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า "ท่านนักบวชท่านมารักษาเราหรือมาเพื่อเยาะเย้ยเรา ผู้เคยเกลียดชังศาสนาของท่าน" ซ่านไฉ่ทูลว่า "ความโกรธหรือพยาบาทจะถูก แทนที่ด้วยความเมตตาเสมอ มหาบพิตร อาตมาเดินทางมาเพื่อบอกว่าอาตมารู้วิธีลับในการรักษาอาการป่วยของพระองค์" พระเจ้าเมี่ยงจวงผุดลุกขึ้นนั่งอย่างมีหวังขึ้นมาทันที ทุกคนในห้องเงียบกริบรอฟังคำของภิกษุหนุ่มอย่างจดจ่อ พระเจ้าเมี่ยวจวงตรัสว่า "ท่านจงว่ามาโดยเร็วเถิด" ซ่านไฉ่เอ่ยขึ้นว่า "การรักษานั้นไม่ยากอะไรเพียงแต่ตัวยานั้นยากที่จะเสาะหาได้ เพราะต้องใช้น้ำมันที่ทำด้วยแขนและดวงตาของผู้ปราศจากความโกรธเท่านั้น"



พระ เจ้าเมี่ยงจวงไม่เชื่อว่าจะมีบุคคลเช่นนั้นอยู่ในโลกจนกระทั่งซ่านไฉ่ทูลว่า "ท่านผิดแล้ว มหาบพิตร ไกลออกไปทางทะเลใต้มีเกาะชื่อ โปตละโลกา เป็นที่สถิตของพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ซึ่งยอมสละอวัยวะอินทรีย์ให้แก่ผู้ใดก็ได้ที่ต้องการ" พระเจ้าเมี่ยวจวงฟังดังนั้นก็รีบสั่งการให้แม่ทัพเจาเจนและองครักษ์ หลีฉิน เดินทางไปยังเกาะโปตละโลกาทันที จากนั้นจึงรีบสั่งให้จัดการรับรองซ่านไฉ่ภิกษุอย่างดีภายในพระราชฐานชั้นใน โฮเฟงและเจาไควกระซิบกระซาบอย่างมีเลศนัย แล้วพากันเดินออกมาจากห้องพระบรรทม



ทั้ง สองมาปรึกษากันภายในเทวสถานเทพแห่งสงครามอันลับตาคน โฮเฟงกล่าวว่า "น้องรอง หากเป็นดังที่ภิกษุว่ามีผู้ยอมสละแขนและดวงตาให้แก่ผู้อื่นจริง ๆ แล้ว แผนการของเรามิล้มเหลวหมดหรือ" เจาไควจึงว่า "เรื่องพระโพธิสัตว์อะไรนั่นอาจเป็นพระธิดาสามเมี่ยวซ่านก็เป็นได้ และถ้าเป็นนางจริง นางก็ต้องยอมสละอินทรีย์เพื่อรักษาพ่อตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น หากเรารอให้เสด็จพ่อตายตามธรรมชาติก็ป่วยการเปล่า เราควรกำจัดเสี้ยนหนามเสียตั้งแต่ตอนนี้ทั้งเสด็จพ่อ ทั้งภิกษุบ้า ๆ นั่น"

จบ ตอนที่ ๒๗
ติดตามต่อตอนที่ ๒๘ แผนชั่วของสองราชบุตรเขย


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๖ การเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๖ การเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๖
การ เลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา



ฝูงชนและภิกษุณีในวัดก้มลงกราบรูปธรรมของไต้ซืออย่าง เลื่อมใสศรัทธา กายละเอียดของไต้ซือก็ลอยขึ้นหายลับไปในหมู่เมฆขาว ส่วนสังขารเดิมของไต้ซือนั้นเย็นดุจน้ำแข็ง ภิกษุณีจึงสวดสังวัธยายพุทธมนต์อย่างพร้อมเพรียงกัน ย่งเหลียนและพระน้านางเตรียมเข้าวังกราบทูลพระเจ้าเมี่ยวจวง พอดีกับมีม้าเร็วถือพระราชโองการมาว่า พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงทราบการปลงสังขารของไต้ซือเมี่ยวซ่านแล้ว เพราะไต้ซือเสด็จไปอำลาพระบิดาถึงในตำหนักเมื่อครู่ที่ผ่านมา



พระ เจ้าเมี่ยวจวงจึงทรงมีพระราชโองการว่าให้ลงรักปิดทองสังขารกายเนื้อของไต้ ซือจุดกำยานอบตลอดเวลา เก็บรักษาไว้ในห้องวิปัสสนาและเปลี่ยนชื่อจากห้องหลิงหลงเป็นห้อง กวนอิม เมตตา วัดจินกวงหมิงจึงมีงานใหญ่อีกครั้งคือ การบูรณะวัด จัดการตกแต่งห้องวิปัสสนาตามพระราชโองการของพระเจ้าเมี่ยงจวง มีโคมประทีปแขวนประดับงดงาม ส่วนร่างเดิมของไต้ซือได้ให้ช่างลงรักชนิดพิเศษฉาบทาพระศพปิดทองทั่วองค์ มีการจุดธูปกำยานหอมอบอยู่ตลอดเวลา และแล้วในที่สุดป้ายชื่อห้องกวนอิมเตตา ก็ได้รับการติดตั้งสมบูรณ์



ฝ่าย ไต้ซือเมี่ยวซ่านนั้น เมื่ออำลาพระบิดาแล้วก็เหาะลอยไปยังทะเลใต้สู่เขาโปตละโลกา ไม่นานจึงถึงจุดหมาย เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งเขาพระสุเมรุ มีพันธุ์ไม้แปลกไปจากโลกมนุษย์ปกคลุมทั่วสารทิศ สัตว์ต่าง ๆ มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากที่ซึ่งพระองค์จากมา ถัดไปคือป่าไผ่สีม่วงสูงชะลูดเทียมเมฆ กลางดงไผ่นั้นมีวังดอกบัวขาวตระการตาส่องแสงฉัพพรรณรังสีทั่วทิศทาง กลางบึงมีดอกบัวชมพูบานดั่งบัลลังก์รอคอยการมาเยือนของพระองค์ เมี่ยวซ่านไต้ซือลอยเหนือบัลลังก์บัวลงประทับเป็นครั้งแรก



๙ ปีต่อมา คืนหนึ่งหลังจากทรงบำเพ็ญภาวนาติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน พระองค์ก็สัมผัสได้ถึงหนทางสีขาวบริสุทธิ์สุขสงบ ครั้นแล้วดวงจิตก็สามารถเพ่งมองทะลุไปทุกแดนทั่วพิภพ นับเป็นหนทางสู่นิพพานอันเป็นสุข แต่ทว่าพระองค์ทรงสดับเสียงคร่ำครวญปริเวทนาการของสัตว์โลกที่รับทุกข์ ทรมานอยู่ในทุก ๆ แห่ง จึงทรงตั้งปณิธานมุ่งมั่นว่า เราจะไม่เข้าสู่ภูมิ อันสันติโดยลำพังเป็นอันขาด เราจะอยู่เพื่อช่วยสรรพสัตว์ในโลกให้พ้นทุกข์ภัย แม้จะใช้เวลานานนับโกฏิล้านปี ดังสวรรค์รับรู้ความตั้งใจของพระองค์ดอกไม้แห่งสวรรค์พลันโปรยปราย เสียงทิพยดนตรีพิณสังคีตบรรเลงขับขาน แสงทองสาดส่องร่วมเป็นสักขีพยาน บรรดาพระอรหันต์ ได้ยินสังคีตดนตรีต่างเปล่าวาจาว่า ดีจริงเมี่ยวซ่านได้ บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมแล้ว จารึกไว้ในวันที่ ๑๙ เดือน ๖ ตามตำนานในพระสูตร


ใน การนี้ได้มีการเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา ซึ่งย่งเหลียนผู้ติดตามมาถึงแดนทะเลใต้ได้รับเลือกเป็นคนแรก ต่อมาภิกษุหนุ่มนาม ซ่านไฉ่ หรือเจ้าเด็กผีจอมซน เซิ่นอิง เมื่อ ๙ ปีก่อนได้อาสารับใช้พระโพธิสัตว์โดยกราบทูลว่า "เดิมทีข้าพระองค์มัวเมาในความสนุกสนานอย่างมืดบอด ครั้นเมื่อหันมาศึกษาพระธรรมอย่างมุ่งมั่นและออกติดตามหาพระองค์จนมาถึงดิน แดนแห่งนี้ก็เพราะความภักดีเป็นที่ตั้ง ครานี้ข้าพระองค์จึงขอภักดีรับใช้พระองค์ตลอดไป" พระกวนอิมต้องการพิสูจน์ความมั่นคงของซ่านไฉ่จึงสั่งให้ไปรอที่ยอดเขารอคำ พิจารณา ซ่านไฉ่ขึ้นเขาไปรอตามรับสั่ง แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อท้องทะเลเบื้องหน้ามีกองเรือโจรสลัดมหาศาลจอดอยู่ริมฝั่งและกำลังยกทัพ ขึ้นมาบนเกาะแห่งนี้


ขุน โจรคนหนึ่งกระชากร่างพระกวนอิมออกมาจากป่าไผ่สีม่วงได้ พระองค์รีบสลัดแขนจนหลุดแล้วปีนขึ้นมายังหน้าผา โจรสลัดตามขึ้นมาเป็นพรวน พระกวนอิมถูกอาวุธบาดเจ็บพลัดตกลงเหวไป ซ่านไฉ่คว้าร่างของพระองค์ไม่ได้ จึงตัดสินใจกระโดดลงไปหมายจะขอตายตาม และแล้วซ่านไฉ่ก็ฟื้นขึ้น เบื้องหน้าไม่มีโจรสลัด ไม่มีความตาย คงมีแต่แววตาเปี่ยมกรุณาของพระโพธิสัตว์กวนอิมทอดมายังเขา แล้วกล่าวว่า "นี่คือข้อพิสูจน์ความภักดีของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ร่างเก่าของเจ้าเป็นธุลีอยู่ในเหวนั้นแล้ว ขณะนี้เจ้ามีร่างอันเกิดใหม่อันเป็นอากาศธาตุ สามารถจำแลงกายล่องลอยในอากาศไปถึงแดนแห่งพรหมโลกได้ เป็นการตอบแทนที่เจ้าพลีชีพบูชาอย่างภักดี" จากนั้นเป็นต้นมาย่งเหลียนและซ่านไฉ่จึงเป็นสาวกเบื้องซ้ายขวา คอยรับใช้พระโพธิสัตว์กวนอิมเรื่อยมา

จบตอนที่ ๒๖
ติดตามต่อตอน ที่ ๒๗ พระเจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๕ เด็กซนทำเรื่อง และ การบรรลุธรรม

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๕ เด็กซนทำเรื่อง และ การบรรลุธรรม

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๕
เด็กซน ทำเรื่อง และ การบรรลุธรรม



วันหนึ่งเซิ่นอิงคิดหาวิธีเข้าไปแอบในวัดโดยไม่ให้คนล่วง รู้ แอบเก็บน้ำสะอาดและกิ่งหลิวไว้ในที่ลับตา จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องเก็บฟืน จุดไฟขึ้นเผาฟืนกองหนึ่งแล้วตนเองก็แอบออกมา ชั่วครู่ไฟก็ลุกไหม้ห้องเก็บฟืนควันโขมง ภิกษุณีลูกวัดต่างร้องตะโกนให้มาช่วยกันดับไฟ ทุกคนรีบคว้าถังตักน้ำมาช่วยกันดับไฟ ห้องวิปัสสนาจึงว่างเปล่า เด็กจอมซนรีบแอบเข้าไปปีนขึ้นโต๊ะบูชากรอกน้ำใส่ในแจกันและปักกิ่งหลิวอย่าง บรรจง เซิ่นอิงพึงพอใจในผลงานของตนมาก รีบเช็ดรอยเท้าไม่ให้เหลือรอย ก่อนจะกระโดดแผล็วหนีหายไป


ขณะนั้นชาว บ้านและสานุศิษย์ที่เชิงเขาต่างกรูกันมาช่วยดับไฟคนละไม้ละมือ เซิ่งอิงฉวยถังไม้ได้ใบหนึ่ง เข้ามารวมกลุ่มช่วยชาวบ้านดับไฟเช่นทุกคน ในใจก็คิดรอเวลาเยาะเย้ยไต้ซือที่ชาวบ้านชื่นชมบูชา หลงคิดว่าแจกันมีน้ำทิพย์และกิ่งหลิวเกิดขึ้นเองแล้วโอ้อวดว่าตนบรรลุมรรคผล เซิ่นอิงคนนี้ล่ะจะเปิดโปงความลวงโลกของไต้ซือเอง อนิจจา ! เด็กน้อยผู้ไม่รู้ประสา ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนได้กระทำนั้นจะบังเกิดผลอันใดตามมา ...ครั้นไฟสงบลงทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ไม่มีใครได้เข้าไปหรือเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแจกันในห้องวิปัสสนาเลย



จน กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น ภิกษุณีผู้ทำความสะอาดโต๊ะบูชาพบความผิดปกติในแจกันหยกขาว ก็ดีใจจนลืมหน้าที่เช็ดถู รีบวิ่งออกมาจะรายงานพระผู้ใหญ่จนชนกับย่งเหลียนที่สวนทางมา เมื่อบอกเหตุที่ตนดีใจจนผิดปกติแล้ว ย่งเหลียนยินดีเป็นอันมากรีบเข้ามาหาไต้ซือที่กุฏิ เมื่อพบหน้ากัน ไต้ซือกลับเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนว่า "ย่งเหลียนเอ๋ย เจ้ามาพอดีเรากำลังจะเรียกเจ้ามาบอกข่าวว่า เมื่อคืนนี้ขณะที่นั่งสมาธิอยู่เราก็รู้สึกว่ามีดอกบัวขาวบานอยู่ในใจ จึงคิดว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่เราสำเร็จมรรคผล" ย่งเหลียนขนลุกวาบด้วยความตื่นเต้นและปลาบปลื้มกล่าวว่า "หม่อมฉันรีบมาที่นี่ก็เพื่อจะบอกว่าบัดนี้แจกันหยกขาวมีน้ำอยู่เต็มปรี่และ ปรากฏกิ่งหลิวปักอยู่อย่างน่าอัศจรรย์เพคะ" ไต้ซือและพระน้านางฟังอย่างยินดี แล้วจึงให้จัดห้องปฏิบัติธรรมปลีกวิเวกเพื่อปลงสังขารในวันนั้นเอง (ปลงสังขาร หมายถึง การละจากร่างมนุษย์ หรือการตาย)



ไต้ ซืออาบน้ำด้วยแก่นจันทร์หอม เปลี่ยนผ้ากาสาวพัสตร์ พร้อมสำหรับการนั่งสมาธิมรณภาพปลงสังขาร เมื่อเข้ามายังห้องปฏิบัติธรรมก็พบเหล่าภิกษุณีลูกวัดเคาะกะโหลกไม้สวดมนต์ อยู่ก่อน ไต้ซือเมี่ยวซ่านเข้าประจำที่เริ่มนั่งวิปัสสนาตั้งแต่ปฐมฌานสู่วิมุตติฌาน เวลานั้นชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนั้นต่างรับรู้ข่าวไต้ซือจะสำเร็จเป็นพุทธะ ต่างมานมัสการรอดูความสำเร็จของไต้ซือที่พวกตนเคารพเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนี้มีเจ้าเซิ่นอิงจอมซนรวมอยู่ด้วย เด็กน้อยแปลกใจมากเบียดแทรกเข้าไปยืนดูอย่างถนัดตา ในใจก็รู้สึกขบขันไต้ซือที่ทำท่าเหมือนเคลิ้มหลับ เพราะบทสวดมนต์ยืดยาว จึงคิดจะแกล้งให้ไต้ซือโกรธจนตบะแตก เหมือนที่เคยแกล้งผู้ใหญ่คนอื่น ๆ สำเร็จมาแล้ว


คิด แล้วเซิ่นอิงก็แทรกมายืนตรงหน้าไต้ซือพอดี ร้องตะโกนใส่หน้าเสียงดังแล้วกระโดดขึ้นขี่คอ คว้าไม้เคาะสวดมนต์ฟาดลงไปกลางศีรษะไต้ซือดังเปรี้ยง ! คนรอบข้างต่างตกใจหน้าซีด แต่ไม่อาจมีใครขัดขวางเหตุการณ์อันรวดเร็วนี้ได้ เสียงอุทานร้องตกใจดังขึ้นพร้อม ๆ กัน ฉับพลันได้มีสายสีแดงคล้ายเลือดพุ่งขึ้นจากศีรษะของไต้ซือ ทุกคนคิดว่าไต้ซือหัวแตกเสียแล้ว ทว่าแสงสีแดงนั้นเปล่งรัศมีลอยสูงขึ้น ๆ และรวมตัวเป็นรูปธรรมของไต้ซือเหนือร่างกายเนื้อเบื้องล่าง ไต้ซือเมี่ยวซ่านนุ่งผ้ากาสาวพัสตร์ เท้าเปลือยเปล่า มือถือแจกันที่มีกิ่งหลิวโผล่มา ทุกคนต่างเปล่งเสียสาธุในความอัศจรรย์ครั้งนี้




ทั้ง นี้เป็นเพราะความซุกซนของเซิ่นอิงเป็นเหตุแท้ ๆ เนื่องด้วยจิตวิญญาณของไต้ซือบรรลุธรรมนานแล้ว แต่ไม่สามารถละสังขารเดิมได้ เพราะควันธูปและฝูงชนปะปนมากมาย กระทั่งมีสิ่งภายนอกมากระทบ นั่นคือไม้ของเซิ่นอิงทำให้ทวารเปิดออกในทันที จิตจึงละสังขารได้ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นความบังเอิญแต่ก็มีเหตุผลในตัวของมัน เนื่องมาจากเซิ่นอิงนั้นจริง ๆ แล้วเป็นประทีปแห่งกุศลทางทิศใต้ มาจุติเป็นผู้มีบุญและเชาวน์ปัญญาดีเลิศ และครั้งนั้นเซิ่นอิงก็รู้สึกสว่างไสวในธรรมภายในเวลาอันสั้น สำนึกตนและเคร่งอยู่ในศีลธรรมมากกว่าใครในบัดดล

จบตอนที่ ๒๕
ติดตาม ต่อตอนที่ ๒๖ การเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

เจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๔ สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม ตอนที่ ๒๔ สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง

ตำนานเจ้าแม่กวนอิม

ตอนที่ ๒๔
สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง


สามวันต่อมา คณะเดินทางก็ขึ้นสู่ยอดเขาได้สำเร็จ พบป้ายศิลาตั้งตระหง่านอยู่เหนือศีรษะ มีตัวหนังสือสลักว่า แดนชนะ ทั้งสามปีติยินดียิ่ง ก้มกราบป้ายศิลาคนละครั้งแล้วเดินต่อไปอีกประมาณหนึ่งลี้ ก็พบชะง่อนหินโค้งคล้ายหลังคา ให้ร่มเงาแก่ลานหินกว้างด้านล่างอย่างดี บนลานหินนี้เองมีผู้เฒ่าคิ้วยาว หนวดยาวสีขาวดังปุยสำลี ผู้เฒ่าทอดแววตาแจ่มใสและเมตตามายังคณะเดินทาง เมี่ยวซ่านไต้ซือคิดว่าผู้อาวุโสนี้หากมิใช่พระพุทธองค์แปลงกายมาโปรดก็ต้อง เป็นผู้สำเร็จธรรมชั้นสูง จึงพาศิษย์เข้ากราบคารวะขอคำชี้แนะแนวทางแห่งการหลุดพ้น ผู้เฒ่าคิ้วยาวกล่าวว่า "ดีจริง ๆ พวกเจ้าลำบากสาหัสในการเดินทางก็ยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ เราคือเทพไท้ ไป๋ มารอเพื่อจะบอกว่า ธรรมอันวิเศษแท้จริงแล้วมิได้อยู่ที่นี่"



เมี่ยว ซ่านไต้ซือถามว่า "ขอผู้อาวุโสโปรดช่วยชี้ทางหลุดพ้นจากกิเลสเถิด เพราะแต่เดิมมีท่านนักพรตนามโล้วนาปู้เจี้ยนกล่าวว่า ต้องมาขอพรต่อดอกบัวหิมะในดินแดนแห่งนี้จึงจะพบผลสำเร็จที่แท้จริง" ผู้เฒ่าคิ้วยาวจึงว่า "เขาเล่นทิ้งปริศนาไว้พวกเจ้าจึงต้องดั้นด้นมาจนถึงเขาลูกนี้ เราจะแจ้งให้รู้ก็ได้ว่า ปางก่อนเจ้าเป็นพระผู้เมตตามุ่งมั่นช่วยชาวโลกให้พ้นทุกข์ กระทั้งจุติในอาณาจักรซิงหลิงก็ยังไม่ทิ้งความตั้งใจเดิม ทั้งยังสร้างบารมีเต็มเปี่ยม ไม่ช้านี้เจ้าจะบรรลุธรรม ส่วนดอกบัวหิมะนั้นมีคนนำไปยัง เกาะโปตละโลกา เพื่อสร้างแดนอันสงบสุขสำหรับเจ้า ซึ่งเจ้าจะได้สัมผัสในอีกไม่นานนี้ ส่วนศิษย์ผู้ติดตามทั้งสอง บารมียังไม่ถึงขั้นต้องบำเพ็ญธรรมอีกระยะหนึ่งก็จะบรรลุเช่นกัน"



เทพ ไท้ไป๋กล่าวต่อไปว่า "หลังจากนี้เจ้าจงเข้าใจหลักธรรมด้วยตนเอง เพราะเราเพียงช่วยสะท้อนให้เจ้าเข้าใจหนทางเท่านั้น" ครั้นแล้วเทพไท้ไป๋จึงหยิบแจกันหยกขาวยื่นให้เมี่ยวซ่านไต้ซือ พลางว่า หาก พบว่าในแจกันนี้มีน้ำขังและมีกิ่งหลิวโผล่ขึ้นมา แสดงว่าวันนั้นคือวันที่เจ้าจะบรรลุธรรม ไต้ซือรับแจกันมาแล้วจึงคารวะอำลาเทพไท้ไป๋

หนทางกลับในคราวนี้มิได้ ลำบากเลยผิดกับขามาลิบลับ ทั้งสามเพียงแต่มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ไม่หลงทาง ไม่พบอุปสรรค เมี่ยวซ่านไต้ซือกล่าวว่า "เพราะบัดนี้เราสงบแล้วทั้งกาย ใจ ประกอบกับความกระจ่างแจ้งแห่งธรรมว่า ธรรมอันวิเศษสามารถช่วยให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารสู่นิพพานได้"



พระ แม่กวนอิม วิสุทธิมรรคคีรี สระบุรี


ในที่สุดคณะเดินทางก็กลับมาถึงเชิงเขาเยี้ยม้อซานในอาณา จักรซิงหลิง บรรดาชาวบ้านร้านตลาดต่างเปล่งเสียงไชโยดังกระหึ่ม เหล่าภิกษุณีตีระฆัง และตั้งขบวนรับอยู่ที่เชิงเขา ต่างเข้ามาห้อมล้อมต้อนรับอย่างยินดี เมื่อสู่ลานประชุมทุกคนซักถามถึงการเดินทางจากเมี่ยวซ่านไต้ซือ ต่างฟังเรื่องราวทุกเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น อุทานอมิตตาพุทธอยู่ไม่ขาดปาก บ้างก็กล่าวว่า พุทธบารมีคุ้มครองขบวนนักเดินทางให้ปลอยภัย

ครั้น แล้วไต้ซือได้นำแจกันหยกขาวออกมาวางใกล้ ๆ พระพุทธรูป ทุกคนที่ฟังรู้ทันทีว่าแจกันนี้คือของวิเศษล้ำค่า ต่างเฝ้ารอคอยอย่างจดจ่อว่าเมื่อใดที่จะมีน้ำทิพย์เต็มเปี่ยมและกิ่งหลิว โผล่ขึ้นมา อันหมายถึงจะเป็นวันที่ไต้ซือเมี่ยวซ่านจะบรรลุธรรมแห่งความหลุดพ้น



ระหว่าง ที่ไต้ซือเล่าเรื่องราวการเดินทางอยู่นั้น มีคนภายนอกมายืนออฟังเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีเด็กน้อยเจ้าปัญญาแต่ซุกซนและดื้อรั้นจนเป็นที่เลื่องลือนาม ว่า เซิ่นอิง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เด็กผีจอมซน ได้ฟังด้วย เซิ่นอิงคิดตามประสาเด็กฉลาดว่าแจกันเปล่า ๆ ตั้งอยู่อย่างนั้นย่อมไม่มีทางที่จะมีน้ำเต็มได้ ดังนั้น ไต้ซือย่อมไม่อาจบรรลุมรรคผลได้จริง พลันเขาก็คิดแผนขึ้นมาอย่างหนึ่งโดยไม่ปริปากบอกใคร เซิ่นอิงมาเที่ยวเล่นในวัดบ่อย ๆ จนสืบรู้ว่าแจกันหยกขาวอยู่หน้าพระประธานในห้องวิปัสสนา เวลากลางวันก็จะมีคนนั่งเข้าฌานอยู่เต็ม ตกค่ำประตูหนาหนักก็จะปิดสนิทยากที่คนนอกจะเข้าไปได้ จอมแสบรายนี้จึงรอวันเวลาที่เอื้ออำนวยต่อแผนการของตนอย่างจดจ่อ

จบ ตอนที่ ๒๔
ติดตามต่อตอนที่ ๒๕ เด็กซนทำเรื่อง และ การบรรลุธรรม


ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee

รวมกลุ่มทั้งหมด

24fair.com (1) 5 พ.ค. (1) 9leather.com (1) กฎแห่งกรรม (1) กรรมชั่ว (2) กรรมฐาน (1) กรรมดี (2) กรรมสัมพันธ์กับตระกูลลู่ (1) กระดาษเหน็บเท้า (1) กระเป๋า (1) กรุ๊ปเลือด (1) กาแฟ (1) กายสดใส (1) การใช้ Articles a an the (1) การตามหาบัวหิมะ (1) การทำสมาธิ (1) การแปลงหน่วย (1) การเผชิญความหนาวเหน็บ (1) การเมือง (1) การรักษาพระเจ้าเมี่ยวจวงและการสละราชสมบัติ (1) การรับบทลงโทษที่หนักขึ้น (1) การเริ่มศึกษาพระธรรม (1) การเลือกผู้รับใช้เบื้องซ้ายขวา (1) การอำลาเพื่อมุ่งสู่ทางธรรม (1) กำเนิดพระธิดาเมี่ยว ซ่าน (1) กำไรของชีวิต (1) กุนเชียงไหม้ (1) กุศลกรรม (1) แก้ปัญหาเหน็บชา (1) ขวาน (1) ข้อคิด (1) ขอให้ทหารปลอดภัย (1) ขายภาพ (1) ขายไอศกรีมเนสท์เล่ทำยังไง (1) ขายไอศครีม (1) ข่าวเงียบจัง (1) ขำๆ (2) เขียนตัวหนังสือกลับด้าน (1) เขียนตัวหนังสือกลับหัว (1) ไข่ พระอาทิตย์ (1) คนทำลายชาติขอให้ตายตกไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ (1) คนทำเว็บ (2) ครีมบ้านครีม (1) ครีมมยุรา (1) ครีมยูร่า (1) คลิป (1) ความเชื่อ (1) ความฝัน (1) ความรัก (1) ความสวยความงาม (13) ความหมาย website และ webpage (1) ค่าเงิน (1) คาถาเงินล้าน (1) คาถาแผ่เมตตา (1) คำคมปู่เย็น (1) คำปั๋นปอนปี๋ใหม่ (1) คำอวยพร (1) คำอวยพรปีใหม่ (1) คิดบวก (1) คุณเคยเป็นเหน็บชาไหม (1) คุณทหาร (2) เครื่องสำอาง (3) เคล็ดลับ (1) งานสาวดอย (2) งานเสริม (1) จ.น่าน (1) เจนิเฟอร์ โลเปซ (1) เจ้ากรรมนายเวร (1) เจ้านาย (1) ใจเป็นสุข (1) ฉัตรมงคล (1) ช่อง3 (1) ชอบ (1) ชายตัดต้นไม้ (1) ชื่นชอบ (1) ชื่อ (1) ชุดทดลอง (1) ญี่ปุ่น (1) ดวง (1) ดอย (2) ดารา (1) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (1) ดื่มน้ำ (1) ดื่มน้ำสมุนไพรเวลาไหนดี (1) ดื่มน้ำ-ออกกำลังกาย ลดอ้วน (1) ดูแลผิวแต่ละสัปดาห์ (1) ดูอย่างไรเครื่องสำอางค์หมดอายุ (1) เด็กซนทำเรื่องและการบรรลุธรรม (1) เดิน (1) โดยสาวดอย (1) ไดร์ผม (1) ตลก (1) ต่อมน้ำเหลือง (1) ตัดเล็บอย่างไรให้มีโชค (1) ต้านอนุมูลิอสระ (1) ตำนานเจ้าแม่กวนอิม (33) ตำรวจ (1) ตุนของ (1) ตู้เนสท์เล่ (1) แต่งหน้าสวยๆ (1) ถูกแบน (1) แถบสีหลอดยาสีฟัน (1) ทรงพระเจริญ (1) ทหาร (1) ท่องเที่ยว (1) ท่องนรกภูมิ เปรตภูมิ เทวภูมิ (1) ท้องผูก (1) ท่องพรหมโลก (1) ทำความดี (1) ทำดีเป็นสิ่งที่ดี (1) ทำเพื่อเธอนะ (1) ทำเว็บไซต์ (3) ทำเว็บไซต์เพื่อในหลวง (1) เทวดา (1) เท้า (1) ธรรมะ (9) ธรรมะสำหรับคนเกิดวันจันทร์ (1) นวดหน้า (1) นอน (1) นักพรตเฒ่าลึกลับ (1) นั่ง (1) นั่งหน้ามัน (1) น้ำขิง (1) น้ำสมุนไพร (1) น้ำหนัก (1) นิคกี้9นิ้ว (1) นูสกิน (1) เนย ซินญอริต้า (1) เนื้อร้อง (2) แนะำนำตัว (1) ในหลวง (3) บททดสอบก่อนออกบวช (1) บทสวด (1) บทสวดคาถาเงินล้าน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (1) บทสวดมนต์ช่วยให้หายโรคภัย (1) บริษัททำงาน (1) บัวหิมะ (1) บีบีครีม (1) เบาหวาน (1) แบรนด์ (1) ประชาชน (1) ประเทศไทย (1) ประโยชน์ (2) ประโยชน์ของกาแฟ (1) ประวัติ (1) ประหารพระธิดา (1) ปลาเค็ม (1) ปวดหลัง (2) ปวดเอว (1) ปวดเอวซ้าย (1) ปาฏิหารย์จากแรงภาวนา (1) ปาฏิหารย์แห่งการตั้งจิตภาวนา (1) ปู่เย็น แก้วมะณี (1) เป็นหวัด (1) แปลงภาพ (1) ผลกรรมแสดงฤทธิ์ (1) ผิวหน้าเนียน (1) แผนชั่วของสองราชบุตรเขย (1) แผ่เมตตาตนเอง (1) แผ่เมตตาพรหมวิหารสี่ (1) ฝัน (1) พระคุ้มครอง (2) พระเจ้าเมี่ยวจวงกลับใจ (1) พระเจ้าเมี่ยวจวงล้มป่วย (1) พระเทพ (1) พระธาตุแช่แห้ง (1) พระธิดาน้อยกับวีรกรรมในสวนอุทยาน (1) พระธิดาเมี่ยวซ่านออกบวช (1) พระบรมราชาภิเษก (1) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (1) พระโพธิสัตว์ (28) พระราชประวัติในหลวง (1) พระอาจารย์คึกฤทธิ์ (1) พลังตัวเลข (1) พายุ เรือ (1) พิมพ์เลขยกกำลัง (1) เพลงที่ชอบ (2) โพชฌังคปริตร (1) ฟอร์จูนชั้น3 (1) ฟังก์ชั่น (1) ภัยร้ายครั้งใหม่ (1) ภาพการ์ตูน (1) ภาพนิมิตในสมาธิ (1) ภูเพียงพระธาตุแช่แห้ง (1) มนต์สะกดแห่งขุนเขา (2) มนุษย์ขนและสมาชิกใหม่ (1) มวล (1) มองโลกในแง่ดี (1) มาม่าหมดอายุ (1) มารในนิมิต (1) มีกลิ่นปาก (1) เมี่ยวซ่าน (25) แม่ (1) ไม่ได้เป็นเว็บมาสเตอร์ (1) ยาที่ควรกินคู่กัน (1) ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน (1) ยืดกล้ามเนื้อแก้ปวดหลัง (1) ยืน (1) โยเกิร์ต (1) โยเกิร์ตทำเอง (1) รถหาย (1) รวมชื่อแบรนด์ (1) รองเท้า (1) รักคือ (1) รักษา (2) รัชดา17 (1) รับจ้าง (1) รับทำภาพถ่ายเป็นภาพวาดการ์ตูน (1) รับฝากซื้อวิตามินไอเฮิร์ป iherb (1) รับสกรีนเสื้อ (1) รับสั่งซื้อวิตามินอเมริกา (1) ราชปรารภ (2) ร่ำรวย (1) เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม (1) เริ่มศึกษาพระธรรม (1) เรือ (1) เรื่องของกลิ่นปาก (1) เรื่องย่อละคร (1) เรื่องเล่าสาวดอย (26) โรคตับจากสุรา (1) ลดน้ำหนัก (1) ลดอ้วน (1) ลมจ๋า - โจแฟ็กซ์ (1) ลอยกระทงออนไลน์ (1) ลักษณะของดาวจันทร์ (1) ลิงค์เว็บ (1) ลุงแจวเรือจ้าง (1) เลข 1-100 (1) เลื่อมพรายลายรัก (1) และแดนนิรวาณ(นิพพาน) (1) วัด (3) วัดนาป่าพง (1) วัดเล่งเน่ยยี่ 2 (1) วันดี (1) วันนี้เก่งจัง (1) วันมาฆบูชา (1) วันสำคัญ (1) วิตามินอเมริกา (1) วิตามินไอเฮิร์ป (1) วิธีติดโค้ด adsense (1) วิธีแต่งหน้า (1) วิธีทาครีม (1) วิธีปลูกองุ่น (1) วิธีเป่าผมให้แห้ง (1) วิธีเลี้ยงบัวหิมะ (1) เว็บมาสเตอร์ (2) แว่นตา (1) ศรีริต้า เจนเซ่น (1) สงกรานต์ (1) ส่งเว็บเข้าประกวดไม่ทัน (1) สถานที่ (1) สมัครสมาชิกขายภาพ (1) สอนทำโฮมเพจ (2) สัพปีตีโย (1) สัมมาทิฐิ (1) สาวดอย (3) สาเหตุ (1) สิว (1) สีทาบ้าน (1) สีที่ช่วยเพิ่มพลังของโชคลาภเงินทอง (1) สี่พยัคฆ์ร้าย (1) สืบค้นข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ (1) สุขภาพ (7) สูตรขนม (1) สูตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (1) สูตรทำขนมไมตรี (1) สู่ยอดเขา พบเทพชี้ทาง (1) เสธ.แดงลาโลกแล้ว (1) เสียงปืน (3) เสียงปืนดังอีกแล้ว (1) เสียใจ (1) เสื้อแดง (3) เสื้อผ้า (1) เสื้อเหลือง (1) หน้าแห้งลอก (1) หน้าแห้งลอกเป็นขุย (1) หนุ่มนักเรียนนอก (1) หลีกเลี่ยง (1) หารายได้จาก google adsense (1) ให้ ปลดออกไปเป็นสามัญชน (1) อกุศลกรรม (1) อพยพ (1) อยากขายไอศกรีมเนสท์เล่ (1) ออกกำลังกาย (3) ออกกำลังกายตามกรุ๊ปเลือด (1) ออกเดินทางและอันตราย (1) อัดเสียงไว้ (1) อั๋น วิทยา (1) อาหาร (3) อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน (1) อาหารฤทธิ์เย็น (1) อาหาร ฤทธิ์ร้อน (1) โฮมเมดโยเกิร์ต (1) a (1) An (1) BB (1) BBcream (1) Coffee (1) cosmetic (1) domainForSale (1) favicon (1) FW mail (1) google adsense (2) ico (1) icon (1) iherb (1) iherb.com (1) iherb vitamin (1) iWiSoft Flash SWF Downloader (1) jofax (1) jumMenu (1) KAครีม (1) load flash (1) MV (2) nestle (1) ourking.in.th (1) Qr Code (1) The (1) vitamin (1) vitamin USA (1) wishscreen (1) word (1)