ตอนที่ ๑๒
พระเจ้าเมี่ยวจวงกลับใจ
เจ้าแม่กวนอิมกลางทะเลองค์ใหญ่สุดในโลก ความสูง 108 เมตร กลางทะเลหนันซัน ในเมืองซันย่า มณฑล ไห่หนัน (ไหหลำ) มูลค่า 1,000 ล้านหยวน (5,000 ล้านบาท)
จากวันนั้น พระธิดาเมี่ยวซ่านได้ทำความสะอาดวัดจินกวงหมิงด้วยสองพระหัตถ์อย่างไม่ ย่อท้อ ทำให้อารามและบริเวณวัดสะอาดเอี่ยม แม้บางส่วนจะผุพังจนยากจะซ่อมแซม เวลาที่เหลือพระองค์ก็ใช้ในการปฏิบัติธรรมท่องพระสูตรเรื่อยมา บรรดาชาวบ้านแถวนั้นเมื่อได้ยินเสียงท่องพุทธมนต์ ต่างพากันแปลกใจเพราะวัดนี้ไม่มีพระจำพรรษาอยู่เลย จึงคิดว่าอาจเป็นเสียงของพระธุดงค์ที่ผ่านมาแล้วแวะจำวัด แต่นานวันเข้าเสียงท่องพระสูตรนั้นก็มิได้หายไป ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มกันเพื่อมาเตือนพระธุดงค์ให้ย้ายวัดไปเสียเพราะเกรง อันตรายจากเสือร้าย
ทว่า เมื่อขึ้นเขามาถึงอารามกลับพบว่ามีสตรีโฉมงานวิลาศดั่งนางสวรรค์ท่องพระ สูตรอยู่ตามลำพัง ชาวบ้านต่างแปลกใจยิ่งนัก ชายคนหนึ่งถามว่า "ท่านเป็นใครมาจากที่แห่งใด เหตุใดจึงมาอยู่ในวัดกลางเขาแห่งนี้ได้ ท่านรู้หรือไม่ว่าวัดนี้เป็นวัดร้าง เพราะพระที่เคยอยู่ต่างเกรงภัยจากเสือโคร่งกันทั้งนั้น" พระธิดาเมี่ยวซ่านได้ฟังจึงตอบว่า "เราชื่อเมี่ยวซ่านมาจากเมืองหลวงแห่งอาณาจักรซิงหลิง แต่มีเหตุให้มาอยู่ในอารามแห่งนี้ คงเป็นเพราะเคยเกี่ยวพันต่อกันแต่ปางก่อน ส่วนเรื่องเสือนั้นเรามิได้กลัวเลยเพราะเสือย่อมไม่ทำร้ายผู้มีสติ รักษาศีลแน่วแน่ต่อพระพุทธเป็นสรณะแน่นอน"
เหล่าชาวบ้านต่างอธิบาย ว่าเสือนั้นเป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่เข้าใจเรื่องศาสนา เคยกินพระสงฆ์ที่วัดนี้ไปหลายรูปแล้ว เหตุใดจึงว่าเสือมิอาจกินผู้ทรงศีลได้ พระธิดาอธิบายว่า "ผู้ที่กินมังสวิรัติเป็นประจำ ท่องสาธยายพระสูตรทุกวันนับว่าเป็นคนมีศีลปฏิบัติธรรมก็จริงอยู่ แต่ถ้ามิได้กระทำด้วยความสุจริต ไม่ซื่อตรงต่อศีลธรรม ย่อมไม่ใช่พระที่บริบูรณ์ นัยน์ตาเสือจึงเห็นคนเหล่านั้นเป็นเพียงเหยื่อ ซึ่งมันต้องตะปบฉีกกินเป็นอาหารตามเวรกรรมที่มีต่อกันในชาติปางก่อน ในทางตรงกันข้ามหากผู้นับถือพระพุทธองค์เป็นสรณะ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เสือย่อมเห็นว่า คนเป็นคน มิกล้ากัดกินอย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องเสือร้ายนี้ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อเราในการปฏิบัติธรรม พวกท่านจงอย่ากังวลไปเลย" ทุกคนฟังคำกล่าวของพระธิดาแล้วต่างเข้าใจแจ่มแจ้งบังเกิดจิตศรัทธาต่อพระ ธิดาเมี่ยวซ่านโดยทั่วกัน
ข่าว การถือศีลปฏิบัติธรรมของพระธิดาเมี่ยวซ่านได้แพร่สะพัดไปทั่วสารทิศ ผู้คนต่างช่วยกันวางแผนบูรณะซ่อมแซมวัดจินกวงหมิงให้เป็นที่ประทับปฏิบัติ ธรรมอย่างสมบูรณ์ บรรดานายช่างผู้มีฝีมือพากันเดินทางมาโดยไม่เห็นแก่เงินค่าจ้าง เพราะพวกเขามีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะทำเพื่อพระธิดาผู้เมตตา ยิ่งคนเฒ่าคนแก่นำเรื่องพระสุบินของพระมเหสีเป้าเต๋อก่อนทรงครรภ์พระธิดา เรื่องของนักพรตเฒ่าผู้เทศน์พระธรรมไม่กี่บทก็ทำให้พระธิดาหยุดกรรแสง และเรื่องโล้วนาปู้เจี้ยนชายลึกลับหายตัวไปจากห้องคุมขังและทิ้งโศลกสี่ บรรทัดไว้ ต่างร้อยเข้าเป็นเรื่องราวความอัศจรรย์ของพระธิดาผู้มากด้วยบุญบารมี ทั้งช่างไม้ ช่างปูน และเศรษฐีต่างช่วยกันลงทุนลงแรงบูรณะวัดจินกวงหมิงเป็นการใหญ่
Jin Guang Ming Temple
และแล้วข่าวครึกโครมเรื่องการบูรณะวัดจินกวงหมิงให้แก่พระ ธิดาเมี่ยวซ่านก็เข้าพระกรรณพระเจ้าเมี่ยวจวงในวันหนึ่ง สร้างความแปลกพระทัยเป็นอย่างยิ่งเพราะทรงคิดว่าพระธิดาสามสิ้นพระชนม์ เมื่อคราวถูกเสือคาบเข้าป่าไปแล้ว แต่จู่ ๆ กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่วัดร้างจินกวงหมิงอันห่างไกล เหตุครั้งนี้ทำให้ทรงคิดไม่ตกอยู่ในพระทัยว่าจะทำประการใดต่อไปดี "ทุกหนทางแห่งความทรมานเราก็ได้ทำกับเจ้าสามจนสิ้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจในการเป็นนักบวชผู้ทรงศีลของเจ้าสามได้เลย" ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พระธิดาเมี่ยวอิมและเมี่ยวเวี๋ยนได้เสด็จมาคุกเข่าต่อหน้าพระพักตร์พร้อม กล่าวว่า "ลูกทั้งสองมาขอร้องให้เสด็จพ่อทรงอนุญาตให้น้องสามได้ออกบวชด้วยเถิดเพคะ"
พระ เจ้าเมี่ยวจวงทรงตกพระทัยยิ่งนัก จึงตรัสว่า "พวกเจ้าพูดอะไรออกมา เสียสติไปแล้วหรือ" พระธิดาเมี่ยวอิมจึงว่า "โปรดฟังลูกก่อนเสด็จพ่อ แต่เดิมลูกทั้งสองก็ไม่เห็นชอบด้วยกับการกระทำของน้องสาม ทว่าเมื่อเห็นน้องทนทรมานจากการเป็นคนสวน คนรับใช้ หรือแม้แต่ได้รับภัยจากเพลิงกาฬก็มิได้ทำให้ความตั้งใจของน้องสามแปรเปลี่ยน ดังนั้นหากท่านพ่อยอมให้เธอปลงผมออกบวชสู่พุทธจักร น้องสามย่อมบรรลุหนทางที่ปรารถนา เช่นนี้แล้วเสด็จพ่อเองและเสด็จแม่บนสวรรค์ย่อมได้รับผลบุญอย่างแรงกล้านะเพคะ" พระธิดาเมี่ยวเวี๋ยนก็กล่าวสนับสนุนเช่นกัน พระเจ้าเมี่ยวจวงจึงคล้อยตามและหวังผลกุศลจะไปถึงพระนางเป้าเต๋อผู้ล่วงลับ "ตกลงพ่อจะจัดการให้เมี่ยวซ่านได้บวชสมใจ"
จบตอนที่ ๑๒
ติดตามต่อ ตอนที่ ๑๓ การอำลาเพื่อมุ่งสู่ทางธรรม
ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและแสดงความคิดเห็นนะคะ ^^