ตอนที่ ๑๑
ประหาร พระธิดา
เหล่าทหารกรูเข้ามาล้อมรอบตัวพระธิดา นำพาไปยังลานประหารทันที ซึ่งพระองค์ก็มิได้มีอาการหวั่นไหวสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใดเลย กลับเสด็จอย่างแน่วแน่มั่นคง และเหมือนฟ้าเบื้องบนรับรู้ถึงความวิปโยคอันเกิดต่อพระธิดาผู้เมตตา อากาศรอบกายจึงอบอ้าว เมฆทมึนปกลุมทั่วท้องฟ้า แสงดาวฉายแสงริบหรี่ พระอาทิตย์แดงฉานดั่งลูกไฟ ทว่ารอบกายพระธิดาเมี่ยวซ่านกลับมีแสงรัศมีแห่งความสงบแผ่โดยรอบ พระธิดาดำเนินไปพร้อมจิตที่มุ่งอธิษฐานถึงพระพุทธองค์ ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าสามารถแผ่ความเมตตาไปทั่วทุกทิศในสากลโลก แปรความชังเป็นความการุณ แม้ข้าพเจ้าจักตายก็ไม่ปรารถนาความสุขสบายบนสวรรค์ แต่ขอให้ข้าพเจ้านำแสงสว่างไปสู่ผู้คนแม้ในขุมนรกด้วยเทอญ
เมื่อ มาถึงแดนประหาร เพชฌฆาตผู้คอยจ้องคร่าชีวิตก็มิได้ปรานีพระธิดาแม้แต่น้อย เขาเงื้อดาบเล่มยักษ์ฟันเข้ากลางลำตัวของพระธิดาทันที แต่ทว่าดาบอันคมกริบกลับไม่สามารถทำให้พระธิดาบาดเจ็บได้แม้แต่น้อย เพราะอารักษ์แห่งขุนเขาเนรมิตเกราะทองอันแข็งแกร่งคุ้มกันรอบองค์โดยไม่มี ผู้ใดเห็น เพชฌฆาตประหลาดใจนัก คว้าหอกเข้าแทงซ้ำ ด้ามหอกก็หักสะบั้นลง ดาบปลายหอกแตกเป็นเสี่ยง ๆ เพชฌฆาตตกใจถอยกราด แม่ทัพฮูบีหลีและเหล่าทหารต่างตะลึงงัน แต่พระราชโองการเป็นสิ่งที่มิอาจขัดขืน ท่านแม่ทัพจึงสั่งให้เพชฌฆาตใช้เชือกประหารแทน
เพชฌฆาตรีบนำผ้าแพรพันรอบพระศอแล้วผูกโยงขึ้นกับกิ่งไม้ใหญ่ ชั่วครู่พระธิดาเมี่ยวซ่านก็สิ้นลมหายใจ ทันใดนั้นสายลมหนาวยะเยือกพัดอวลสู่แดนประหาร โลกทั้งโลกมืดมิดลงไปกับตา สายฟ้าแลบแปลบปลาบทั่วฟ้า พื้นแผ่นดินไหวสะเทือน ดุจอาณาจักรจะพินาศไปพร้อมมรณกรรมของพระธิดา ท่ามกลางความมืดมิดและเสียงกรีดร้องของผู้คนได้ปรากฎแสงเรืองดั่วเปลวไฟบน ยอดเขาใกล้แดนประหารทะยานลงมาสู่ร่างพระธิดา เปลวไฟนั้นแลคล้ายเสือโคร่งร่างใหญ่ รับเอาพระธิดาขึ้นหลังแล้วทะยานจากไป
ความ จริงแล้วเสือโคร่งตัวนั้นเป็นร่างนิมิตของเทพารักษ์แห่งขุนเขา แปลงมาเพื่อพาพระธิดาไปสู่เขาเยี้ยม้อซานให้ห่างไกลอันตรายจากพระ เจ้าเมี่ยวจวง ณ เชิงเขาแห่งนั้นมีวัดจินกวงหมิงตั้งอยู่ วัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีเสือโคร่งออกอาละวาดกัดกินพระภิกษุ และป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณเชิงเขา ทำให้ชาวบ้านไม่กล้ามาทำบุญ พระเหล่านั้นจึงย้ายไปจำพรรษาที่อื่น และเมื่อไม่มีเหยื่อก็ไม่มีผู้ใดเห็นเสือโคร่งตัวนั้นอีกเลย กระทั่งปัจจุบันเทพารักษ์ในร่างเสือโคร่งได้นำร่างของพระธิดาเมี่ยวซ่านมา ไว้ภายในอาราม นำยาเม็ดอมตะใส่ปากพระธิดาเพื่อป้องกันร่างเน่าเปื่อย รอให้ดวงวิญญาณกลับคืนร่างเดิม แล้วเทวดาในร่างเสือก็จากไป
ครั้น ยามรุ่งสางพระธิดาจึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้น แล้วก็ต้องแปลกใจยิ่งนักเมื่อพบว่าตนเองยังมิได้สิ้นลมหายใจไป เมื่อเหลียวมองรอบกายก็พบว่าทรงอยู่ในอารามร้าง
แห่งหนึ่ง เบื้องหน้ามีพระพุทธรูปของพระอมิตตาอันทรุดโทรม ทอดพระเนตรมายังพระธิดาเมี่ยวซ่านด้วยแววตาเปี่ยมความการุณย์ พระธิดาก้มกราบองค์พระพุทธรูปแล้วตรัสว่า "พระอมิตตา โปรดอภัยในความผิดเพราะความไม่รู้ของพระบิดาของลูกด้วย บัดนี้ลูกไร้ที่พึ่งอื่นใดนอกจากขออาศัยในอารามแห่งนี้เพื่อปฏิบัติพุทธกิจ อย่างเต็มที่ ขอทรงอนุญาตด้วยเทอญ" พระธิดาก้มกราบกระทำคารวะสูงสุด พร้อมกันนั้นได้มีสายลมเย็นซาบซ่าพัดแผ่วพลิ้วผ่านองค์ของพระธิดาเสมือนเบื้องบนรับรู้กระนั้น
ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและแสดงความคิดเห็นนะคะ ^^