ตอนที่ ๑๓
การอำลาเพื่อ มุ่งสู่ทางธรรม
เจ้าแม่กวนอิม วัดคลองเปลว ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ สงขลา เป็นวัดที่ตั้ง อยู่ตรงข้ามภูเขา คอหงส์
เพียงชั่วข้ามคืนข่าวเรื่องพระเจ้าเมี่ยวจวงยอมให้พระธิดาสามออกบวช และมีพระราชโองการให้ซ่อมแซมวัดจินกวงหมิงได้เลื่องลือไปทั่วทิศ เหล่าข้าราชการขุนนางในราชสำนักรวมถึงชาวเมืองทุกคนต่างยินดีปรีดาโดยถ้วนหน้ากัน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นพระธิดาแห่งแคว้นแล้ว ย่อมมียศศักดิ์ ทรัพย์สมบัติ และเสวยสุขจนชั่วชีวิต หากแต่พระธิดาเมี่ยวซ่านนั้นกลับเลือกที่จะออกบวชเป็นผู้ทรงศีล มีฐานะเยี่ยงสามัญชน ไพร่ฟ้าราษฎรจึงเคารพเทิดทูนอย่างจริงใจ ร่วมกันบริจาคเงินทอง เพชรนิลจินดาอันมีค่า พระพุทธรูปหินสลัก ภาพวาดพุทธประวัติไว้เป็นทาน ดังนั้น เมื่อรวมกับกลุ่มบูรณะชุดแรกแล้วก็ได้กลายเป็นกองทุนมหาศาล วัสดุก่อสร้างซ่อมแซม และแรงงานอันมาจากความศรัทธาอย่างล้นหลาม
เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ อ. นาทวี สงขลา
พระธิดาเมี่ยวซ่านนั้นยังไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงใน พระทัยของพระเจ้าเมี่ยวจวง จนกระทั่งนางกำนัลย่งเหลียนเดินทางมาแจ้งข่าวแก่พระธิดาอย่างยินดี "พระธิดาเพคะ บัดนี้องค์เหนือหัวมิได้ทรงกีดกันความต้องการของพระองค์อีกแล้ว เพราะทรงอนุญาตให้พระธิดาออกบวชได้ และมีพระราชโองการให้บูรณะวัดนี้ให้เป็นที่ประทับแล้วเพคะ เมื่อวัดนี้ซ่อมแซมเรียบร้อยพระองค์ก็จะได้บวชสมดังพระทัย โอ ! สวรรค์มีตาจริง ๆ พระธิดาทรงยินดีหรือไม่เพคะ" พระธิดาเมี่ยวซ่านนั้นแสนยินดียิ่ง "ในที่สุดเสด็จพ่อก็ทรงเมตตาต่อลูก แล้วยังเป็นธุระบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ ผลบุญจะต้องตอบสนองในไม่ช้านี้" ย่งเหลียนปลาบปลื้มกับข่าวมงคลนี้จึงกระโดดโลดเต้น พลางร้องอย่างยินดีรอบ ๆ กายพระธิดาเมี่ยวซ่าน
ย่งเหลียนทูลพระธิดาว่า "เรื่องราวคลี่คลายถึงเพียงนี้แล้ว หม่อมฉันขอสละทางโลกติดตามพระธิดาออกบวชด้วยเพคะ" พระธิดาเมี่ยวซ่านตรัสอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าชื่นชมในความตั้งใจจริงของเจ้า แต่การออกบวชบำเพ็ญพรตนั้นมิใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องมีสติตั้งมั่น มีศรัทธาแน่นแน่ไม่วอกแวกลังเล เพราะหากไม่มั่นคงเพียงเล็กน้อยเจ้าก็จักไม่บรรลุผลธรรมสิ่งที่สร้างมาก็จะสูญเปล่า" ย่งเหลียนตอบว่า "โปรดเชื่อในจิตใจของหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันสาบานต่อเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ และพระแม่ธรณีบนพื้นปฐพีว่า จะออกบวชโดยจิตใจไม่โลเล หากคิดบวชเพียงครึ่งๆ กลางๆ ขอให้ไฟเผาร่างข้าเสีย" แล้วเธอจึงก้มลงเอาหัวโขกพื้นสามครั้ง แสดงความหนักแน่น พระธิดาเมี่ยวซ่านเห็นความศรัทธาของนางกำนัลคู่ใจแล้วจึงยินดีที่มีเพื่อน ปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้น
เจ้าแม่กวนอิมวัดถาวร หาดใหญ่
การซ่อมแซมวัดจินกวงหมิง ดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑๐ เดือน ๒ จนถึงวันที่ ๑๐ เดือน ๕ ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ตลอดระยะเวลานั้นปรากฏว่าดินฟ้าอากาศปลอดโปร่งไม่มีอุปสรรคใด ๆ ช่างฝีมือจึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว แปรสภาพจากวัดร้างทรุดโทรมกลายเป็นมหาวิหารที่งดงามเกินพรรณนา กระเบื้องที่ชำรุดบนกำแพงถูกซ่อมแซมจนเงาวับ หลังคามุงกระเบื้องส่งประกายสีทองยามต้องแสงแดด ภายในอารามมีพระพุทธรูปสลักมากมายไว้ให้บูชา อัญมณีจากแรงศรัทธาถูกนำไปประดับประดาบนพญามังกร รอบตัววัดมีกำแพงสีแดงชาดล้อมรอบทั้งสี่ทิศ ด้านหน้ามีบันไดหินทอดยาว ดุจทางขึ้นสู่สวรรค์ เหล่าช่างผู้บูรณะเฝ้ามองผลงานของพวกตนด้วยความภูมิใจ
เจ้าแม่กวนอิม วัดคงคาเลียบ ต.ท่าช้าง อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา
ครั้นถึงวันที่ ๑๗ เดือน ๙ ขบวนเสด็จมารับพระธิดาไปยังสุสานบรรพชน เพื่อทำพิธีบูชาบูรพกษัตริย์ พระธิดาเมี่ยวซ่านเสด็จในกระบวนพิธีอย่างสมพระเกียรติ ภายในสุสานหลวงนั้นพระธิดาได้กล่าวต่อหน้าดวงวิญญาณบรรพชนว่า "ข้าผู้น้อยเมี่ยวซ่าน ขอกล่าวอำลาต่อดวงวิญญาณของเหล่าบรรพชน ข้าผู้น้อยจำเป็นต้องสละหน้าที่ของบุตรอันพึงกระทำต่อบิดา น้องพึงกระทำต่อพี่ และสละฐานันดรศักดิ์ เจ้าหญิงแห่งแคว้นเพื่อลาสู่ร่มเงาแห่งพุทธวิถี ด้วยความตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรมให้หลุดพ้นห้วงทุกขเวทนา ขอดวงวิญญาณบรรพบุรุษทรงประทานอนุญาตและให้อภัยในความอกตัญญูต่อบิดาของข้า ผู้น้อยด้วยเทอญ"
เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว วัดราชคีรีหิรัญยาราม พิษณุโลก เป็น พระโพธิสัตว์ กวนอิมแกะสลักจากหยกขาว จาก เมือง หางโจว ประเทศจีน โดยได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีน มีความสูง 3 เมตร
วันต่อมาเป็นพระราชพิธีอำลาสำนักพระราชวัง พระธิดาเมี่ยวซ่านเสด็จขึ้นสู่ปะรำพิธีในประตูวังชั้นกลาง ทรงกระทำความเคารพต่อข้าราชสำนัก เสียงสรรเสริญจากข้าราชบริพารตอบรับกึกก้องยินดี พระธิดาตรัสต่อพระเจ้าเมี่ยวจวงและเหล่าขุนนางว่า "ข้าผู้น้อยอกตัญญู มิอาจอยู่สนองเบื้องบาทพระบิดาได้เพราะมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธองค์ จึงต้องละทิ้งหน้าที่ของบุตรออกบวชสู่พระพุทธศาสนา แต่การบวชนี้มีขึ้นเพื่อแผ่บารมีธรรม กุศลทั้งหมดย่อมตกแก่พระบิดาให้มีพระชนม์ยืนยาว ข้าผู้น้อยขอกราบถวายพระพรให้ทรงอายุยืนหมื่นปี ลูกขอกราบลา" กษัตริย์เมี่ยวจวงนั้นฟังคำอันนุ่มนวลของพระธิดารัก ถึงกับกลั้นน้ำพระเนตรไม่อยู่ ทุกคนในท้องพระโรงจึงพลอยเศร้าโศกไปตามๆ กัน
บ่าย วันนั้นเมื่อหมดภารกิจในพระราชพิธี พระธิดาเมี่ยวซ่านได้เสด็จลงมายังโรงครัวเพื่อเยี่ยมเยียนสหายยามต้องโทษ เมื่อหลายปีก่อน เมื่อทุกคนเห็นองค์หญิงผู้เมตตาเสด็จมาหาถึงโรงครัวอันไม่น่าพิศมัย ความรู้สึกตื้นตันทั้งหลายได้ประดังเข้ามา ภาพความหลังครั้งพระองค์ทำงานร่วมทุกข์ร่วมสุขอย่างขะมักเขม้น มิเคยเห็นพวกตนต่ำต้อยกว่าหลั่งไหลอยู่ภายในจิตสำนึก ต่างปลาบปลื้มชื่นชมยินดีเต็มไปด้วยไมตรีจิตต่อพระธิดาอย่างล้นพ้น พระธิดาจึงกล่าวให้กำลังใจและให้ทุกคนมุ่งสร้างแต่ความดี เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความหมาย จนกระทั่งย่ำสนธยาจึงเสด็จกลับตำหนักส่วนพระองค์
ครั้น ตกค่ำสองพระธิดาเมี่ยวอิมและเมี่ยวเวี๋ยน ได้เสด็จมาเยี่ยมพระธิดาเมี่ยวซ่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "น้องทราบจากย่งเหลียนว่าพระพี่นางทั้งสองได้ช่วยพูดกับเสด็จพ่อให้น้องออก บวชได้ น้องไม่รู้จะตอบแทนพวกท่านอย่างไรดี" พระพี่นางจึงว่า "น้องสามเจ้าก็รู้ว่าพวกพี่ทำผิดบาปไว้มาก เคยกลั่นแกล้งเจ้าไว้ก็ไม่ใช่น้อย มาบัดนี้เราต่างเติบโตทั้งร่างกายและความคิด เมื่อเจ้าซึ่งเป็นน้องของพี่ต้องการแสวงหาทางธรรม พวกเราย่อมต้องการสนับสนุนและพูดให้เสด็จพ่อคล้อยตามโดยง่าย" พระธิดาเมี่ยวซ่านยินดีนักที่พระพี่นางเข้าใจตน ทั้งสามจึงอยู่สนทนากันจนดึกสงัด พระพี่นางจึงลากลับ
ขณะที่พระธิดา กำลังจะเข้าพักผ่อน ปรากฏว่ามีผู้มาเยือนยามวิกาลอีกองค์หนึ่ง นั่นคือพระน้านางของพระองค์นั่นเอง เพียงเมื่อได้พบทั้งสองพระองค์ก็สวมกอดกันอย่างรักใคร่ โดยเฉพาะพระน้านางซึ่งประทับอยู่ภายในเขตพระราชฐานมิทราบข่าวคราวของพระธิดา สามมานานแสนนาน "น้าไม่เคยได้ยินข่าวเจ้าเลยนับตั้งแต่ออกนอกวังไป มารู้อีกทีก็ได้ยินว่าเจ้าถูกเสือคาบเข้าป่าไปแล้ว น้าแสนเป็นห่วงไม่รู้ว่าหลานเป็นตายร้ายดีอย่างไร จนกระทั่งรู้ว่าเจ้าปลอดภัยและพระบิดายังประทานอนุญาตให้บวชสมใจ น้าดีใจกับเจ้าจริง ๆ เมี่ยวซ่านเอ๋ย ต่อไปนี้น้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากน้าไปที่ใดอีกแล้ว น้าจะออกบวชพร้อมกับเจ้า เพื่อศึกษาธรรมะและเผยแผ่พระพุทธคุณให้ไพศาลดังที่ตั้งใจไว้มาแสนนาน" พระธิดาแสนยินดีที่พระน้านางจะออกบวชพร้อมตน
จบตอนที่ ๑๓
ติดตาม ต่อตอนที่ ๑๔ พระธิดาเมี่ยวซ่านออกบวช
ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและแสดงความคิดเห็นนะคะ ^^