ตอนที่ ๑๗
มนต์สะกดแห่งขุนเขา และภัยร้ายที่คืบคลานเข้ามา
เจ้าแม่กวนอิม วัดศรีมหาโพธิ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นรูปหล่อ พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ทำขึ้นจากทองเหลือง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ด้านใต้องค์พระประดิษฐานรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม พันมือ
ท่านหลิวหัวหน้าหมู่บ้านจัดแจงต้อนรับขับสู่คณะนักบวชเป็น อย่างดี ชาวบ้านต่างพากันซักไซ้ว่า เดินทางผ่านฝูงอีกาเจ้าแห่งขุนเขามาได้อย่างไร เมี่ยวซ่านไต้ซือเล่าความให้ฟัง ทั้งหมดจึงพากันตื่นเต้นประหลาดใจ ท่านหลิวบอกว่า "พวกท่านคงเป็นผู้วิเศษ มีบารมีน่าเลื่อมใส อีกาซึ่งเป็นสัตว์ยังเกรงกลัวไม่สามารถทำอันตรายแก่พวกท่านได้... มาเถิดโปรดมาฉันอาหารเจที่พวกข้าน้อยทำถวาย แล้วจึงพักผ่อนที่บ้านข้าน้อย ท่านจงอย่างได้รังเกียจชาวบ้านป่าเมืองเถื่อนเช่นพวกเราเลย" เมี่ยวซ่านไต้ซือและศิษย์ทำความเคารพขอบคุณในความอารีของชาวบ้าน เมื่อฉันอาหารแล้วจึงเข้าที่พักปฏิบัติธรรมนั่งกรรมฐานก่อนพักผ่อนอย่างสงบ
พระ แม่กวนอิมที่วัดถ้ำเสือวิปัสนา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คณะของไต้ซือฉันอาหารเจแล้วก็เก็บสัมภาระเตรียมออกเดินทางต่อ ท่านหลิวกำชับบอกทางไปเขาซีมี่ซานว่า "พวกท่านขึ้นตรงไปทางเหนือสามสิบลี้ จะพบภูเขาจินหลุนซาน จงเดินเลี่ยงไปข้าง ๆ อย่าส่งเสียงดังและไปให้เร็วที่สุด เมื่อผ่านไปได้ราวสิบแปดลี้จะพบป้อม ไซซือ อันใช้เป็นที่พักแรมได้" คณะไต้ซือฟังจนเข้าใจแล้วจึงกล่าวอำลาชาวบ้านออกเดินทางต่อไป
เส้น ทางขณะนี้มีเพียงพื้นทรายอันร้อนระอุ ไม่มีร่มเงาของพันธุ์ไม้ใด ๆ หรือแม้แต่น้ำสักหยดยังยากจะพบ ทว่าสามนักบวชยังคงย่ำเท้าต่อไปอย่างหวั่นเกรง จนกระทั่งถึงเขาลูกหนึ่งตระหง่านอยู่ด้วยทัศนียภาพงดงาม เขียวขจี ทั้งสามจึงเดินเข้าไปดั่งต้องมนต์ลืมคำเตือนของท่านหลิวหมดสิ้น
เมี่ยว ซ่านไต้ซือกล่าวอุทานออกมาว่า "ดีจริง ๆ ตั้งแต่เดินทางมายังไม่เคยเจอที่ใดงดงามเหมือนเป็นฝีมือของทวยเทพเช่นนี้" ย่งเหลียนได้ฟังจึงฉุกคิดได้กล่าวว่า "ไต้ซือ ! ท่านกำลังถูกครอบงำหลงใหลสถานที่แห่งนี้ เหมือนท่านลืมที่ท่านหลิวสั่งไว้แล้วหรือว่า ระหว่างใช้เส้นทางนี้ห้ามหยุดชมและส่งเสียงดัง เราควรจะเดินทางต่อไปโดยเร็วนะเจ้าข้า" เมี่ยวซ่านไต้ซือจึงระลึกได้รีบเดินทางต่อไปทันที แต่ทว่าสายไปเสียแล้วเมื่อบัดนี้มีเสียงกลุ่มคนพูดกันดังมาจากชายป่า ตามมาด้วยเสียงลากของหนัก ๆ คล้ายขื่อคาสำหรับลงโทษนักโทษประหาร คณะไต้ซือหันไปมองแล้วก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เมื่อพบว่าด้านหลังนั้นเต็มไปด้วยขบวนฝูงอมนุษย์อันน่าสะพรึงกลัว
นาที นั้นควรอย่างยิ่งที่จะวิ่งหนีแต่เท้าของทั้งสามต่างก้าวไม่ออกแม้แต่ก้าว เดียว ขบวนของอสูรร้ายใกล้เข้ามาทุกที ย่งเหลียนได้สติก่อนเพื่อน ฉุดมือไต้ซือและพระน้านางออกวิ่งหนีสุดชีวิต เมี่ยวซ่านไต้ซือวิ่งได้ไม่เท่าไหร่ก็สะดุดล้ม อสูรตนหนึ่งวิ่งตามมาตะครุบตัวไต้ซือไว้ได้ ย่งเหลียนวิ่งต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะทำประการใดต่อไป
เมื่อมาไกลพอควร แล้วจึงหยุดพักก็พบว่าพระน้านางก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน "นี่เราจะทำอย่างไรดี พวกผีป่าจับตัวไต้ซือได้ พระน้านางก็ไม่รู้พลัดหลงไปที่ไหน" พลันได้มีเสียงร้องเรียกมาจากด้านหลัง" ย่งเหลียนรอฉันก่อน" ย่งเหลียนเหลียวกลับไปด้วยความยินดี "พระน้านาง ท่านรอดพ้นภัยมาได้อย่างไรกัน" พระน้านางจึงว่า "เมื่อผีป่าพวกนั้นจับตัวไต้ซือได้แล้วก็พากันดีใจไม่ตามล่าฉันอีก...ย่ง เหลียนเราต้องช่วยกันคิดหาวิธีช่วยเหลือไต้ซือจากเจ้าผีป่าพวกนั้นนะ"
ทั้ง สองจึงปรึกษากันว่าจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากป้อมไซซือ คิดแล้วจึงพากันเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าสู่ป้อมไซซือ
เมื่อ เข้าสู่ป้อมได้แล้วได้มีเหล่าคนงานซึ่งกำลังหาบน้ำและดินโคลนสร้างกำแพง ป้อมอยู่ต่างเข้ามาสอบถามความเป็นมาของเหล่านักบวชแปลกถิ่น เมื่อฟังว่าเพิ่งรอดจากเหตุการณ์ที่ถูกมนุษย์ขนจับตัวมาได้ ยิ่งชื่นชมบารมีของสองภิกษุณีกันขนานใหญ่ หัวหน้าป้อมนาม ซุนเต๋อ ได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมา "พวกเจ้าส่งเสียเอะอะในขณะที่มีงานล้นมือได้อย่างไร" คนงานจึงเล่าเรื่องสองนักบวชให้นายป้อมซุนเต๋อฟัง โดยเนื้อแท้แล้วซุนเต๋อผู้นี้เป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัว จึงยินดีที่จะช่วยเหลือสองนักบวช รีบเชิญให้ไปพักผ่อนที่บ้านตนเองทันที
ครั้น ได้ฟังความเป็นมาของภิกษุณีผู้จาริกสู่เขาซีมี่ซาน ทว่าบัดนี้เหลือกันอยู่เพียงสองคน ส่วนเมี่ยวซ่านไต้ซือมิรู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ซุนเต๋อกล่าวว่า "เราอยากช่วยเหลือพวกท่านก็จริง แต่ทว่าภัยจากอมนุษย์เหล่านี้ยังไม่มีผู้ใดเคยรอดจากเงื้อมมือของพวกมันได้ เลย" แล้วซุนเต๋อจึงเล่าเรื่องพวกอมนุษย์ประหลาดให้ฟังว่า
"...ผีป่า เหล่านี้ ความจริงแล้วก็คือคนจำพวก มนุษย์ขน ที่อาศัยอยู่บนเขาจินหลุน ดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์ กินทั้งขนและเนื้อเป็นอาหาร ไม่มีเสื้อผ้าคลุมกาย ไม่รู้จักการทำเกษตรกรรม ตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอก ใครคิดจะเดินผ่านเขาลูกนี้แล้วห้ามส่งเสียง เพราะหากพวกมันได้ยินจะถูกจับไปเป็นอาหาร..."
สอง ภิกษุณีฟังแล้วก็เสียใจยิ่งนัก น้ำตาเอ่อล้นออกมาแทนความระทดใจ ย่งเหลียนตัดพ้อว่ามารมาดลใจให้อาจารย์หลงในทิวทัศน์สวยงามแท้ ๆ จึงเกิดภัยร้ายแรงตามมา พระน้านางยังพอมีสติอยู่บ้างจึงเตือนให้ย่งเหลียนหยุดคร่ำครวญและกล่าวว่า "อาจารย์ถูกชิงตัวไปก็จริง แต่อาจจะมีชีวิตรอดเพราะพุทธบารมีคุ้มครองก็เป็นได้ เราทั้งสามเดินทางฝ่าอันตรายน้อยใหญ่มาด้วยกัน เมื่อไต้ซือถูกจับเราก็ไม่ควรจะทอดทิ้งท่าน ไปกันเถิดย่งเหลียนเมื่อเรารวมจิตเป็นหนึ่งเดียวแล้ว เมื่อจะตายก็ควรตามด้วยกัน" พระน้านางกล่าวแล้วก็ลุกขึ้นเดินนำย่งเหลียนไปยังประตูทางออก หัวหน้าป้อมซุนเต๋อต้องรีบมาห้ามปราม "ช้าก่อน ! ไต้ซือถูกจับไปคนหนึ่งแล้ว พวกท่านจะเดินเข้าไปให้มันกินได้อย่างไร โปรดอยู่อย่างสงบที่นี่เถิด"
จบ ตอนที่ ๑๗ ติดตามต่อตอนที่ ๑๘ ไต้ซือเมี่ยวซ่านกับมนุษย์ขน และสมาชิกใหม่ร่วมเดินทาง
ขอขอบพระคุณ : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=beee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่แวะมาเยี่ยมชมและแสดงความคิดเห็นนะคะ ^^